“เอพี” เปิดเกมรุกอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง กับแนวยุทธศาสตร์การสร้างความสำเร็จ นิวไฮต์ครั้งใหม่ ด้วยแผนรุกตลาดอสังหาฯ ครึ่งหลังสูงถึง 35 โครงการ มูลค่ารวมกว่าครึ่งแสนล้านบาท พร้อมรุกตลาดแนวราบในทุกมิติ ทุกราคา ขยายและสร้างฐานใหม่ หลังครองใจครอบครัวรุ่นใหม่อายุ 18-35 ปี กว่า 60% พร้อมนำแนวคิด STANFORD DESIGN THINKING ค้นหาความต้องการแฝงของลูกค้า หลังพบอายุของผู้ซื้อโครงการแนวราบลดน้อยลง สินค้าคอนโดฯ เตรียมชูไฮไลต์เด็ด THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี เจาะตลาดซูเปอร์ลักชัวรี ปลื้มผลงาน 5 เดือนกวาดยอดขายรวม 14,640 ล้านบาท พร้อมมั่นใจสิ้นปีทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 33,500 ล้านบาท
สภาพการแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่รุนแรง ได้ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัว เพื่อชิงความได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน และสร้างตัวเลขการขายและรายได้ให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ “AP ” หนึ่งในผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กับแผนการรุกตลาดในครึ่งหลังของปี 2561 พร้อมประกาศจะเป็นปีแห่งการสร้างนิวไฮต์ครั้งใหม่
จิ๊กซอว์ที่จะก้าวสู่ความสำเร็จของบริษัท เอพีฯ ถูกถ่ายทอดผ่าน 2 ผู้บริหารระดับสูง นำร่องโดยนายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บมจ.เอพีฯ เปิดเผยว่า ช่วง 6 เดือนหลังของปี 61 (ก.ค.-ธ.ค.) ว่า เอพี เตรียมจะเข็นโครงการใหม่ออกสู่ตลาดรวมถึง 35 โครงการ มูลค่า 54,380 ล้านบาท ซึ่งในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวแล้ว จำนวน 8 โครงการ อย่างไรก็ตาม ในปีนี้เป็นปีที่บริษัทฯ มีการเปิดตัวโครงการมากที่สุดรวมทั้งสิ้น 43 โครงการ มูลค่า 64,750 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าแนวราบ 38 โครงการ มูลค่า 39,350 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 25,400 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานในช่วง 5 เดือนแรก ณ วันที่ 27 พ.ค. 61 บริษัทฯ สร้างยอดขายรวมได้แล้วถึง 14,640 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัท สามารถสร้างยอดขายได้แล้วราว 44% ของเป้ายอดขายปี 61 ที่ตั้งไว้ 33,500 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตที่สูงมากเป็นประวัติศาสตร์ โดยบริษัทฯมีรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ และคอนโดมิเนียม (รวม 51% โครงการร่วมทุน) สูงถึง 6,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% หากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้เท่ากับ 5,127 ล้านบาท
ข้อมูลลึกคนซื้อบ้านอายุน้อยลงเรื่อยๆ
นายภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจแนวราบ บริษัท เอพีฯ กล่าวว่า หนึ่งใน Key Success ของการพัฒนาโครงการแนวราบเอพี คือ การมีสินค้าที่หลากหลาย ทั้งในเรื่องของโมเดลบ้าน และจำนวนโครงการที่ครอบคลุมในทุกทำเลรอบกรุงเทพฯ ซึ่งจากวันนี้ไป เอพีพร้อมรุกตลาดแนวราบครึ่งปีหลังในกลุ่มธุรกิจสินค้าแนวราบ บริษัทมีแผนการพัฒนาโครงการใหม่ 32 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 33,980 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 18,600 ล้านบาท โฟกัสตลาดครอบครัวคนเมือง โดยมี Fighting Brand อย่าง CENTRO บ้านเดี่ยวสำหรับครอบครัวที่เริ่มต้น และ THE CITY บ้านเดี่ยวสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ ราคาเฉลี่ย 5-15 ล้านบาท และสินค้ากลุ่มทาวน์โฮม 17 โครงการ มูลค่า 15,380 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 2-10 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน บ้านกลางเมืองจากเอพี ถือครองส่วนแบ่งตลาดสินค้าทาวน์โฮม 3 ชั้นมากสุดเป็นอันดับ 1 ซึ่งเอพี ได้ต่อยอดความชำนาญไปสู่การพัฒนาทาวน์โฮม 2 ชั้น แบรนด์ พลีโน่ (PLENO) ซึ่งจะเป็น Fighting Brand ของสินค้ากลุ่มทาวน์โฮมต่อไป
“ภาพรวมตลาดสินค้าแนวราบในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งอายุของคนซื้อที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ โดยจากข้อมูลเอพี ย้อนหลัง 5 ปี กลุ่มคนที่ตัดสินใจซื้อมีอายุเฉลี่ยระหว่าง 18-35 ปี มากถึง 60% บ่งบอกว่า พฤติกรรมในการเลือกซื้อสินค้า และเลือกพื้นที่ และขนาดของบ้านเปลี่ยนแปลงไป รวมถึงต้นทุนในการสรรหาที่ดิน เพื่อพัฒนาโครงการที่ถือเป็นตัวกรองสำคัญ ที่ทำให้ผู้เล่นในตลาดแนวราบเหลือน้อยลง ซึ่งที่ผ่านมา สินค้าแนวราบของเอพี ถือว่าประสบความสำเร็จในสัดส่วนที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส แม้แต่ยอดขายเดือนเมษายนที่ถือเป็นเดือนเทศกาล ก็ยังสามารถสร้างยอดขายได้ 1,698 ล้านบาท หรือเฉลี่ยสัปดาห์ละ 400 ล้านบาท ซึ่งถ้าโมเมนตัมยอดขายได้เฉลี่ยประมาณ 350-400 ล้านบาทต่อสัปดาห์ เชื่อว่าจะสามารถทำยอดขายได้เกินเป้าหมายอย่างแน่นอน” นายภมร กล่าว
เปิดคอนโดฯ ซูเปอร์ลักชัวรี
สำหรับแผนการพัฒนาคอนโดมิเนียมครึ่งปีหลัง นายวิทการ กล่าวว่า บริษัทเตรียมเปิดตัว 3 คอนโดมิเนียมร่วมทุนระหว่างเอพี และมิตซูบิชิ จิโช เรสซิเดนซ์ (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MECG) มูลค่ารวมประมาณ 20,400 ล้านบาท โดยมีโครงการไฮไลท์สำคัญ คือ การเปิดตัวสินค้าระดับซูเปอร์ลักชัวรี ด้วยแบรนด์ THE ADDRESS ในทำเลใจกลางเมืองอย่างราชเทวี ภายใต้ชื่อโครงการ THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี มูลค่า 8,300 ล้านบาท และ LIFE Condo อีก 2 ทำเล คือ LIFE Ladpao Valley มูลค่าประมาณ 6,400 ล้านบาท พร้อมเปิดพรีเซลส์ในเดือนสิงหาคม และ 3) Life Asoke Hype มูลค่าประมาณ 5,700 ล้านบาท พร้อมเปิดขายประมาณไตรมาส 4 ปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทมีคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 23 โครงการ มูลค่าคงเหลือขายรวมประมาณ 12,100 ล้านบาท โดยในปีนี้มีคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ และพร้อมโอนกรรมสิทธิ์จำนวนทั้งสิ้น 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 16,400 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทยังมีสินค้ารอรับรู้รายได้มูลค่ามากถึง 49,435 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 7,635 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมมูลค่า 41,800 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) โดยจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2565
รุกตั้งรับเทรนด์พฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป
สำหรับเอพี กับมองเห็นการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของลูกค้า ซึ่งแนวทางที่เอพีผลักดัน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่นับวันจะลึก และซับซ้อนมากขึ้น ผ่านแนวคิด STANFORD DESIGN THINKING ซึ่งถูกนำมาใช้ เพื่อค้นหาความต้องการแฝงของผู้บริโภคในอนาคต โดยนายวิทการ อธิบายว่า หนึ่งในนวัตกรรมที่ทีมคอนโดฯ ได้นำมาประยุกต์ใช้ให้เห็นผล และเกิดขึ้นอย่างจริงอย่างเร่งด่วนนั้น คือ การปรับกระบวนการก่อสร้างคอนโดฯ ด้วยการนำเทคโนโลยี AI BIM เทคโนโลยีการออกแบบงานก่อสร้างอาคารสูงอัจฉริยะ 7 มิติ ซึ่งคิดค้นขึ้นโดย Prof. จากมหาวิทยาลัย Stanford มาใช้อย่างครบวงจรเป็นรายแรกในประเทศไทย
ขณะที่นายภมร กล่าวเสริมว่า แม้ว่า วันนี้ เอพีจะมีแบบบ้านที่มีอยู่ในระบบมากกว่า 70 โมเดลแล้ว แต่จากอายุของผู้ซื้อโครงการแนวราบที่ลดน้อยลง ถือเป็นสัญญาณที่บอกให้เราต้องลุกขึ้นตั้งรับกับเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งจากข้อมูลเรา พบเห็นเทรนด์การพัฒนาโครงการแนวราบอนาคตเป็น 3 เรื่องหลักๆ คือ 1. แนวโน้มการอยู่อาศัยร่วมกันของหลายช่วงอายุตั้งแต่เจเนเรชันรุ่นเบบีบูมไปจนถึงเด็กเล็ก ดังนั้น บทบาทของพื้นที่ต่างๆ ภายในบ้านต้องคิดมากกว่าพื้นที่พักผ่อน ทุกพื้นที่ต้องได้รับการออกแบบบนพื้นฐานการเข้าใจในเรื่อง Human Scale
2. การให้ความสำคัญกับการออกแบบพื้นที่ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดี ครอบคลุมความต้องการทั้งพื้นที่ส่วนกลาง และภายในบ้าน และ 3. การประยุกต์เอาเทคโนโลยีเข้ามาเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตภายในบ้าน.