“แผ่นดินทอง” เปิดเกนมรุกหนักตลาดแนวราบบ้านแฝด ทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว พร้อมผุด 3 อาณาจักรบ้าน มูลค่า 16,000-17,000 ล้านบาท ยอมรับ 10 บิ๊กอสังหาฯหันปรับพอร์ตเพิ่มโครงการแนวราบ หลังตลาดคอนโดฯ เริ่มชะลอตัว ล่าสุดเปิดตัว “โกลเด้น เอ็มไพร์ บางแค” มูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท ระบุปีนี้บ้านแพงขึ้น 5-10%
นายภวรัญชน์ อุดมศิริ กรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาโครงการทาวน์โฮม และบ้านแฝด บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 ยอมรับว่า ตลาดแนวราบมีการแข่งขันที่รุนแรง และดุเดือด ซึ่งจะพบว่า 10 อันดับบริษัาอสังหาฯ รายใหญ่ ได้เพิ่มพอร์ตสินค้าแนวราบทั้งหมด ซึ่งเป็นการปรับแผนพัฒนาโครงการให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด ส่งผลให้ปริมาณโครงการแนวราบ (ซัปพลาย) เพิ่มขึ้นอย่างมากประมาณ 10-20% ซึ่งมีโครงการเกิดขึ้นในทุกกลุ่มราคา และคาดว่าในปี 2562 การแข่งขันจะรุนแรงและหนักขึ้น ขณะที่ความต้องการซื้อ (ดีมานด์) ในที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบยังเติบโต สวนทางกลับภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้ค่อนข้างชะลอตัว โครงการที่จะเกิดขึ้นตามแนวรถไฟฟ้าเริ่มมีข้อจำกัดมากขึ้น เนื่องจากที่ดินหายากมีมูลค่าสูง
“สินค้าประเภททาวน์โฮม จะแข่งขันสูง ซึ่งในอดีตจะชูเรื่องราคา แต่ปัจจุบัน ผู้บริโภคขอมีทางเลือก ซึ่งทางโกลเด้นแลนด์ ได้เติมอารมณ์ให้เหมือนบ้านเดี่ยวให้กับดีไซน์ทาวน์โฮม และโครงการ เช่น มีสโมสร สระว่ายน้ำ จะเห็นว่าตอนนี้คู่แข่งเห็นความสำเร็จของเรา และหากจะก็อปปี้เหมือนกับเรา เชื่อว่าราคาขายน่าจะแพงกว่าเราขั้นต่ำ 10-20% จะเห็นได้ว่า ในปีที่ผ่านมา เราประสบความสำเร็จจากการเปิดอาณาจักร โกลเด้น เลค โคโม ซึ่งการทำโครงการขนาดใหญ่ ช่วยในเรื่องของการจัดซื้อที่ดิน มีความคล่องตัวในการบริหารโครงการและลูกค้า สามารถต่อยอดการขาย เนื่องจากในอาณาจักรบ้าน เรามีโปรดักต์รองรับลูกค้าได้อย่างครบความต้องการ”
สำหรับในปี 2561 ทางโกลเด้นแลนด์ วางเป้าพัฒนา และเปิด 3 อาณาจักรบ้าน รวมมูลค่าโครงการประมาณ 16,000-17,000 ล้านบาท ขนาดที่ดินเกินกว่า 100 ไร่ โดยจะมีการเปิดโครงการภายในอาณาจักรประมาณ 4-5 โครงการ แล้วแต่เนื้อที่โครงการ ล่าสุด บริษัทได้พัฒนาอาณาจักรที่ 3 ภายใต้ชื่อโครงการ “โกลเด้น เอ็มไพร์ บางแค” ซึ่งภายในโครงการประกอบไปด้วย 4 โครงการ บนพื้นที่กว่า 170 ไร่ มูลค่าโครงการรวมกว่า 6,100 ล้านบาท
ในปีนี้จะเปิดตัว 3 โครงการ บนพื้นที่รวม 135 ไร่ จำนวน 846 ยูนิต มูลค่า 4,915 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ โกลเด้น นีโอ บนพื้นที่ 30 ไร่ จำนวน 166 ยูนิต มูลค่า 1,080 ล้านบาท เปิดจองในเดือน มิ.ย. นี้ ราคาขายเริ่ม 5-6 ล้านบาท โครงการ แกรนดิโอ บนพื้นที่ 71 ไร่ จำนวน 284 ยูนิต มูลค่า 2,670 ล้านบาท เปิดจองในเดือน ก.ค. นี้ ราคาขายเริ่ม 7-10 ล้านบาท และโครงการ โกลเด้น ทาวน์ บนพื้นที่ 34 ไร่ จำนวน 396 ยูนิต มูลค่า 1,165 ล้านบาท เปิดจอง ก.ค. นี้ ราคาขายเริ่ม 2-3 ล้านบาท
“ปีนี้เรารุกตลาดบ้านแฝดอย่างเต็มที่ หลังจากปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จกับการขยายฐานลูกค้ากลุ่มทาวน์โฮม ปัจจุบัน บ้านแฝดมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 15% ของมูลค่าขายทั้งหมด ในแต่ละอาณาจักรจะมีการฝั่งโปรดักต์บ้านแฝดเข้าไป เนื้อที่ไม่มาก 30-40 ไร่ จำนวน 150-200 ยูนิต กลุ่มรายได้ประมาณ 40,000-70,000 บาท ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านแฝดอดีต จะมีความสามารถซื้อบ้านเดี่ยวไซส์เล็ก แต่ปัจจุบัน ราคาบ้านเดี่ยวได้แพงขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้บ้านทุกกลุ่มราคาจะปรับขึ้น 5-10% เหตุจากราคาที่ดินปรับสูงขึ้น โดยส่วนหนึ่งมีปัจจัยเรื่องการขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าออกไปนอกเมืองมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในแต่ละโครงการ จะมีบ้านพร้อมอยู่ในสัดส่วน 7-10% แล้วแต่ขนาดโครงการ ทำให้สามารถรับรู้รายได้ทันที”
นายวิรัชต์ มั่นเจริญพร กรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว กล่าวว่า พอร์ตบ้านเดี่ยวคิดเป็น 1 ใน 3 ของบริษัท และครองส่วนแบ่งตลาดบ้านเดี่ยวระดับราคา 7-10 ล้านบาท ทั้งนี้ ตามเป้าหมายใน 3-5 ปีข้างหน้า บ้านเดี่ยวจะเติบโตในตัวเลข 10,000 ล้านบาท
สำหรับในช่วงเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้มีการนำโมเดลการพัฒนา 3 อาณาจักร มูลค่ารวมโครงการกว่า 14,000 ล้านบาท โดยอาณาจักรแรก คือ โกลเด้นท์ เลค โคโม อ่อนนุช-พัฒนาการ พัฒนาเป็นโครงการบ้าน 5 โครงการ บนพื้นที่ 180 ไร่ จำนวน 1,038 ยูนิต มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท อาณาจักรที่ 2 ภายใต้ชื่อ บริติช อเวนิว ลาดพร้าว-เกษตรนวมินทร์ ภายในประกอบไปด้วย 5 โครงการ บนพื้นที่กว่า 120 ไร่ จำนวน 950 ยูนิต มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท การพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว เมื่อช่วงต้นปีบริษัทได้เปิดตัวโครงการภายใต้ชื่อ “แกรนดิโอ” เป็นแบรนด์โครงการบ้านหรูระดับ 7 ล้านบาทขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 บริษัทตั้งเป้ารับรู้รายได้จากโครงการแนวราบอยู่ที่ 16,000 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านแฝด 2,500 ล้านบาท เติบโต 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา บ้านเดี่ยว 4,000 ล้านบาท เติบโต 10% และ ทาวน์เฮาส์ 9,500 ล้านบาท เติบโต 30% และตั้งงบจัดซื้อที่ดิน 12,000 ล้านบาท