“ไมด้า แอสเซ็ทฯ” มั่นใจภาวะเศรษฐกิจ หนุนกำลังซื้อและภาคอสังหาฯ พร้อมเปิดเกมรุกปูพรม 5 โครงการใหม่ มูลค่ากว่าครึ่งหมื่นล้านบาท ทั้งโครงการแนวราบในจังหวัดกาญจนบุรี-นครปฐม และโครงการคอนโดฯ ในพัทยา เล็งลงทุนในจังหวัดในอีอีซี รับกำลังซื้อ พร้อมจับมือกับ “เวลลิตี้” ทุนสัญชาติสิงคโปร์ ตั้งบริษัทร่วมทุน เปิดตัวโรงแรมเทรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ “อักษร ระยอง เดอะ เวลลิตี้ คอลเลคชั่น” แย้มภายในปี 63 จะเปิดให้ครบ 4 โครงการ
นายวิสูตร เอี้ยวศิวิกูล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมด้า แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ “MIDA” ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจโรงแรม และรีสอร์ต กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า การท่องเที่ยวที่เติบโตได้ส่งผลต่อเนื่องให้กับภาคธุรกิจโรงแรม ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัย ยังคงไปได้ดี โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดโครงการแนวราบ ซึ่งทางไมด้า ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการในระดับที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ส่วนธุรกิจการขายเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักยังขยายตัวได้ดี ด้วยปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจที่ขยายตัวตามนโยบายภาครัฐ และคาดว่าในปีนี้ ธุรกิจเช่าซื้อจะเติบโต 20%
สำหรับแผนลงทุนในปีนี้ จะมีมูลค่ารวมกว่า 5,000-5,300 ล้านบาท เน้นพัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลัก ได้แก่ โครงการในจังหวัดนครปฐม 3 โครงการ รูปแบบบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ มูลค่าโครงการละ 800-1,000 ล้านบาท หรือประมาณ 2,400-3,000 ล้านบาท จังหวัดกาญจนบุรีมี 1 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว ระดับราคา 2-3 ล้านบาท มูลค่า 800 ล้านบาท และในพื้นที่พัทยา เป็นโครงการคอนโดมิเนียมสูง 30 ชั้น บนเขาพระตำหนัก จำนวน 350 ยูนิต ขนาดห้องพัก 35-50 ตารางเมตร (ตร.ม.) ราคาขาย 1.2-1.5 แสนบาทต่อ ตร.ม. มูลค่า 1,500 ล้านบาท
“ไมด้า ยังมีที่ดินรอการพัฒนาในจังหวัดนครปฐมไม่ต่ำกว่า 400 ไร่ ซึ่งบางแปลงสามารถพัฒนาได้เลย แต่บางแปลงติดเรื่องผังเมือง โดยแนวโน้มราคาที่ดินในนครปฐม ปรับตัวสูงขึ้นมาแปลงละ 2 ล้านบาทต่อไร่ รวมถึงเรายังมองหาการลงทุนในจังหวัดที่อยู่ในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี”
ส่วนแผนการพัฒนาในกลุ่มธุรกิจโรงแรม และรีสอร์ต ล่าสุด บริษัทได้ร่วมลงทุนกับกลุ่มเวลลิตี้ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นบริษัทบริหารจัดการธุรกิจด้านการบริการสำหรับโรงแรม และรีสอร์ต โดยความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการร่วมทุนการพัฒนาโรงแรมภายใต้ชื่อ “อักษร ระยอง เดอะ เวลลิตี้ คอลเลคชั่น” บนทำเลหาดแหลมแม่พิมพ์ ทั้งนี้ บริษัทได้ใช้งบร่วมลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท จัดตั้งบริษัท เอ็มดับบลิว เวลเนส เมเนจเม้นท์ จำกัด โดยบริษัทไมด้า ถือหุ้น 51% และกลุ่มเวลลิตี้ ถืออยู่ 49% โครงการโรงแรมใช้งบในการพัฒนาสูงกว่า 1,000 ล้านบาท และในอนาคต จะใช้งบลงทุนเพิ่มอีกกว่า 35 ล้านบาท สำหรับอุปกรณ์เพื่อสุขภาพ และอื่นๆ
นายวิสูตร กล่าวถึงแนวโน้มรายได้ในปีนี้ คาดว่าจะเติบโต 15-20% เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,700 ล้านบาท โดยในไตรมาสแรกมีรายได้แล้ว 750 ล้านบาท
ปัจจุบัน “ไมด้า” มีการพัฒนาโรงแรมรวมทั้งสิ้น 9 โรง (รวมโครงการที่ จ.ระยอง) ทั้งนี้ บริษัทมีแผนนำโรงแรมทั้ง 9 แห่ง เข้ากองรีต คาดจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 6,000-7,000 ล้านบาท เพื่อระดมทุนพัฒนาโรงแรมแห่งใหม่ในอนาคต คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2562
นายแอนโธนี จู้ด ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง เอ็มดับบลิว เวลเนส เมเนจเม้นท์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารเวลลิตี้ กล่าวว่า บริษัทร่วมทุนมีแผนเชิงรุกในการขยายบริการ และฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ผ่านจุดแข็งในการนำองค์ประกอบของสุขภาพแบบองค์รวมมาใช้ในการให้บริการในทุกด้านของโรงแรมตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้ ยังได้มีนำนวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพ เข้ามาประยุกต์ใช้กับสิ่งอำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยเล็งเห็นว่า จังหวัดระยอง อยู่ในแผนของการพัฒนาเศรษฐกิจตามนโยบายการลงทุนอีอีซี ทั้งนี้ ตามแผนงานก่อสร้างจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคมนี้ และในระยะ 12 ข้างหน้า เป้าลูกค้ามาเข้าพักประมาณ 50% และปรับตัวสูงขึ้น โดยอัตราค่าห้องพักจะอยู่ที่ 3,000-3,500 บาทต่อคืน ถ้าร่วมโปรแกรมมสุขภาพจะอยู่ที่ 60,000-70,000 บาท
นอกจากนี้ ตามแผนแล้ว ภายในปี 2563 บริษัทเอ็มดับบลิวฯ จะมีโครงการลงทุนเบื้องต้น 4 โครงการ โดยในปี 62 จะพัฒนาเพิ่ม ในภูเก็ต ได้แก่ โครงการ เดอะ พาโนรา รูปแบบคอนโดมิเนียม 6 อาคาร จำนวน 400 ห้อง และพูลวิลล่า 36 หลัง พัฒนาบนเนื้อที่ 25 ไร่ และโครงการธาราปฐม เป็นบ้านไทยวิลลาใน จ.นครปฐม คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2562