บิลท์ แลนด์ เดินหน้าแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ต้นปี 62 เตรียมยื่นไฟลิ่งไตรมาส 4/61 หวังนำเงินลงทุนซื้อที่ดินพัฒนาต่อ ตั้งเป้าโตปีละไม่ต่ำกว่า 10% ปี 62 คาดรายได้ 1,100 ล้านบาท ส่วนปีนี้เตรียมลงทุนโครงการใหม่ย่านธูปะเตมีย์ พื้นที่กว่า 5 ไร่ ล่าสุด เตรียมจัดงาน “LESTO OPEN HOUSE” ณ เลสโต คอนโด สุขุมวิท 113 เปิดขายห้องชุดแต่งครบพร้อมเข้าอยู่ ในราคาเริ่มต้น 1.45 ล้านบาท
นายชัยรัตน์ ธรรมพีร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิลท์ แลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ปี 2561 ว่ามีแนวโน้มเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีปัจจัยที่ดีขึ้นทั้งจากการส่งออก การท่องเที่ยว อัตราดอกเบี้ยทรงตัวค่อนข้างต่ำ นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีการลงทุนโครงการด้านสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ต่อเนื่อง จึงเป็นสัญญาณที่ดีของภาคอสังหาริมทรัพย์ ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่น และเริ่มกลับเข้าสู่การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น ส่วนสถาบันการเงินเริ่มผ่อนปรนในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ประกอบกับปัจจุบันชาวต่างชาติหันมาซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก เพราะราคายังถูกอยู่มากเมื่อเทียบกับราคาในประเทศของผู้ซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีน สิงคโปร์ และฮ่องกง
ทั้งนี้ คอนโดมิเนียมที่อยู่แนวรถไฟฟ้าทั้งสายปัจจุบัน และที่สร้างแล้วเสร็จ รวมไปถึงส่วนต่อขยาย ยังได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา ผู้ประกอบการได้พัฒนาคอนโดฯ ออกมาสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้ยังมีสต๊อกเหลืออยู่ในตลาดจำนวนมาก และต้องใช้ระยะเวลาในการระบายสต๊อก
นอกจากนี้ การซื้อที่ดินของผู้ประกอบการที่จะนำมาพัฒนาโครงการยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะมีแหล่งเงินทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนร่วมกับผู้ประกอบการไทยในการประกอบธุรกิจคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะ ญี่ปุ่น จีน และสิงคโปร์ ส่งผลให้ราคาที่ดินดิบมีราคาสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในอนาคตราคาคอนโดมิเนียมจะมีราคาสูงเพิ่มขึ้นตาม ตลาดก็จะมีการแข่งขันมากยิ่งขึ้น ซึ่งจำเป็นที่ผู้ประกอบการจะต้องหาตลาดใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดที่รองรับกำลังซื้อของคนต่างชาติ
นายชัยรัตน์ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงเน้นการพัฒนาโครงการแนวสูงเป็นหลัก ในระดับระดับราคา 2-5 ล้านบาท มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ รักษาการการเติบโตของบริษัทอย่างสม่ำเสมอ และมั่นคงนอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเปิดกว้างสำหรับบริษัทข้ามชาติจะมาร่วมลงทุน ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีหลายบริษัทในประเทศแถบเอเชีย เช่น สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากมีความร่วมมือดังกล่าวก็จะมีส่วนสนับสนุนการขยายตลาดไปสู่ลูกค้าต่างชาติมากขึ้น โดยในการพิจารณาผู้ร่วมทุนนั้น บริษัทฯ ให้น้ำหนักเรื่องเม็ดเงินลงทุน และแนวทางการทำงานร่วมกันว่าสามารถร่วมกันได้หรือไม่เป็นหลัก ส่วนในเรื่องเทคโนโลยีหรือโนว์ฮาวต่างๆ นั้นเป็นเรื่องรองลงมา
“ปัจจุบัน ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างผลกำไรได้สูง เนื่องจากเรามีความเชี่ยวชาญในการบริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ มองขาดในเรื่องทำเล คุณภาพของงานก่อสร้าง ครอบคลุมไปถึงการบริหารจัดการหลังการขายที่มีบริษัท บิลท์ ฮาร์ท จำกัด ช่วยในการบริการลูกค้า จัดการบริหารอาคารนิติบุคคล และคอยรองรับการบริหารห้องชุดให้ลูกค้าในกรณีที่มีความต้องการขายต่อหรือให้เช่า รวมทั้งรู้จักกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าของเราเป็นอย่างดี โดยหลังจากที่กลุ่มนายวิโรจน์ เจริญตรา ถอนหุ้นออกไปจากบิลท์ แลนด์ฯ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา ตนก็ได้ซื้อหุ้นกลับมาทั้งหมด ปัจจุบัน ตนถือหุ้นอยู่ประมาณ 91% ที่เหลือเป็นกลุ่มรายย่อย” นายชัยรัตน์ กล่าว
นายชัยรัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น โดยในเบื้องต้น จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น เพื่อขายให้แก่ประชาชนทั่วไปประมาณไตรมาส 2/2562 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมกับที่ปรึกษาทางการเงิน คือ บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนะสิน จำกัด (มหาชน) เพื่อยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งได้ไนช่วงไตรมาส 4/2561 โดยตนจะถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 51% สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดุมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินลงทุนซื้อที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต เพราะปัจจัยสำคัญในการพัฒนาโครงการ คือ ที่ดิน ส่วนรูปแบบการพัฒนาโครงการนั้นขึ้นอยู่กับทำเลของที่ดินว่าจะพัฒนาโครงการในรูปแบบใด โดยจะเน้นโครงการที่สร้างกำไรในระดับที่ดีให้กับบริษัท
“การเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ จะเป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับบิลท์แลนด์ฯ ในการลงทุนในอนาคต เพี่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ และเป็นความท้าทายให้กับทีมงานทุกคนของบริษัทในการผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตปีละไม่น้อยกว่า 10% หรือมีรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และเชื่อมั่นว่า การเสนอขาย IPO จะได้รับการตอบรับนักลงทุนเป็นอย่างดี ที่ผ่านมามีนักลงทุนมาขอซื้อหุ้นแบบ Pre IPO แต่เราไม่ขาย รอขาย IPO ทีเดียว ซึ่งตรงนี้ก็แสดงถึงว่ามีนักลงทุนเชื่อมั่นในบริษัท” นายชัยรัตน์ กล่าว
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ บริษัทได้ซื้อที่ดิน 1 แปลงย่านธูปะเตมีย์ พื้นที่ประมาณ 5 ไร่ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณา 3 แนวทาง คือ 1. คอนโดฯ และแนวราบ 2. แนวราบอย่างเดียว และ 3. คอนโดฯอย่างเดียว คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ภายใน 2 เดือนนี้ ส่วนในปี 2562 มีแผนที่จะเปิดอีก 2-3 โครงการ
ด้านความคืบหน้าโครงการ “เลสโต คอนโด สุขุมวิท 113” สถานีสำโรง ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 7 ไร่เศษ เป็นคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร ขนาด 26.5-36 ตารางเมตร ปัจจุบัน ราคาขายปรับขึ้นไปที่ 110,000 บาทต่อตารางเมตร หรือราคา 1.45-1.57 ล้านบาท (เปิดตัวครั้งแรกราคาขายอยู่ที่ 70,000 บาทต่อตารางเมตร หรือ 1.2-1.3 ล้านบาท) รวมจำนวน 786 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,068 ล้านบาท โดยเปิดขาย 2 อาคารแรกก่อน จำนวนประมาณ 400 ยูนิต เมื่อปี 2559 ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 50% ล่าสุด เตรียมจัดงานเตรียมจะจัดงาน “LESTO OPEN HOUSE” ในวันที่ 19- 20 พฤษภาคม 2561 โดยเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้ามาร่วมชมห้องชุดแต่งครบพร้อมเข้าอยู่ ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.45 ล้านบาท สำหรับผู้ที่จองในวันงาน เลือกฟรี! ทุกค่าใช้จ่ายในวันโอน หรือ ฟรี! เครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังฟรี! วอลล์เปเปอร์ทุกยูนิต ฟรี! เครื่องปรับอากาศ 15,000 บีทียู และเครื่องทำน้ำอุ่น
ส่วนโครงการ The Ritmo ชัยพฤกษ์-วงแหวน มูลค่าโครงการ 1000 ล้านบาท ปัจจุบันเฟส 1 มียอดขายแล้วเกือบ 100% ส่วนเฟส 2-3 จะเปิดเดือนมิถุนายน ประกอบด้วยทาวน์เฮาส์ ราคาอยู่ที่ประมาณ 2.4 ล้านบาทขึ้นไป และอาคารพาณิชย์ ราคา 3.3-3.5 ล้านบาท
ในปี 2561 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2560 ที่รับรู้รายได้ 945 ล้านบาท ปัจจุบันมี Backlog ประมาณกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 ของปีนี้