“โรงพยาบาลพระรามเก้า” ยื่นไฟลิ่งขาย IPO จำนวน 180 ล้านหุ้น เล็งนำหุ้นเข้า SET เผยเตรียมใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนสร้างอาคารใหม่ ปรับปรุงอาคารปัจจุบัน และคืนเงินกู้
บมจ. โรงพยาบาลพระรามเก้า ยื่น Filing version แรก เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2561 เนื่องจากบริษัทฯ ต้องการจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 180 ล้านหุ้น โดยจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 167,500,000 หุ้นให้แก่ประชาชน และอีกจำนวนไม่เกิน 12,500,000 หุ้น ขายให้แก่กรรมการและ/หรือผู้บริหารที่เป็นผู้ก่อตั้ง (Founders) ของบริษัทฯ นอกจากนี้ จะมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน จำนวนไม่เกิน 20 ล้านหุ้น โดยมี บล. ภัทร เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความประสงค์ที่จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้ในโครงการสร้างอาคารใหม่ และโครงการปรับปรุงอาคารปัจจุบัน รวมถึงใช้ชำระคืนเงินกู้ยืม (ถ้ามี) อีกทั้งเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และเงินลงทุนสำหรับโครงการในอนาคต และการขยายธุรกิจของบริษัท
บริษัทฯ ประกอบธุรกิจสถานพยาบาลเอกชน ประเภทรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน ภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลพระรามเก้า” ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 โรงพยาบาลฯ มีจำนวนเตียงจดทะเบียน 166 เตียง โดยเปิดให้บริการแก่ผู้ป่วยใน (In-Patient Department หรือ IPD) จำนวน 163 เตียง และมีจำนวนห้องตรวจสำหรับผู้ป่วยนอก (Out-Patient Department หรือ OPD) รวม 114 ห้อง โดยให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยในระดับตติยภูมิ (Tertiary Care) ซึ่งครอบคลุมการให้บริการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกัน ตรวจรักษา และฟื้นฟูโรคทั่วไป และโรคเฉพาะทาง ผ่านสถาบันโรคไต และเปลี่ยนไตพระรามเก้า สถาบันหัวใจ และหลอดเลือดพระรามเก้า และศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง รวมทั้งสิ้น 22 ศูนย์ โดยมุ่งเน้นการให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ ด้วยอัตราค่าบริการที่คุ้มค่าและสมเหตุสมผลมาอย่างต่อเนื่อง (Value for Money Services)
กลุ่มผู้รับบริการหลักของบริษัทฯ จำแนกตามกลุ่มผู้รับบริการ และประเภทการชำระเงิน สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ (1) กลุ่มผู้รับบริการทั่วไป ซึ่งเข้ารับบริการของโรงพยาบาลฯ และชำระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลด้วยตนเอง และ (2) กลุ่มผู้รับบริการแบบคู่สัญญา ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มองค์กรคู่สัญญา และกลุ่มบริษัทประกันคู่สัญญา โดยโรงพยาบาลฯ ให้บริการแก่ทั้งกลุ่มผู้รับบริการในประเทศและชาวต่างชาติ ทั้งนี้ โรงพยาบาลฯ ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2560 มีสินทรัพย์รวม 2,856.6 ล้านบาท หนี้สินรวม 761.6 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 2,095.0 ล้านบาท รายได้จากกิจการโรงพยาบาล 2,421.5 ล้านบาท รายได้รวม 2,455.2 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 2,138.1 ล้านบาท กำไรสุทธิ 262.3 ล้านบาท
โครงการในอนาคต คือ โครงการก่อสร้างอาคารใหม่ (New Building) โรงพยาบาลฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างอาคารใหม่ ในบริเวณใกล้เคียงกับอาคารปัจจุบัน ซึ่งมีระยะห่างจากที่ตั้งอาคารปัจจุบันประมาณ 50 เมตร โดยออกแบบเป็นอาคารสูง 16 ชั้น และมีชั้นใต้ดินอีก 2 ชั้น พื้นที่ก่อสร้างอาคารทั้งหมดประมาณ 39,300 ตารางเมตร และพื้นที่ใช้สอยประมาณ 24,500 ตารางเมตร โดยจะให้บริการทั้งผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) โดยแบ่งเป็นห้องตรวจ OPD จำนวน 83 ห้อง (ไม่รวมห้องผู้ป่วยนอกสำหรับแผนกฉุกเฉิน (Emergency Room)) ห้องพักผู้ป่วยใน (IPD) จำนวน 59 เตียง ห้องผ่าตัดจำนวน 3 ห้อง และพื้นที่จอดรถที่สามารถรองรับได้ประมาณ 381 คัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่เข้ามาใช้บริการ อีกทั้งจะมีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาสนับสนุนการให้บริการ โดยโรงพยาบาลฯ คาดว่า การก่อสร้างอาคารใหม่จะแล้วเสร็จ และสามารถเปิดบริการได้ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2562
นอกจากนี้ โรงพยาบาลฯ มีแผนการเพิ่มศูนย์การแพทย์ใหม่ เพื่อขยายขอบเขตการให้บริการทางการแพทย์ในบริเวณอาคารใหม่ของโรงพยาบาลฯ อาทิ ศูนย์รักษาอาการปวดและเวชศาสตร์ฟื้นฟู (Pain and Rehabilitation Center), ศูนย์เมตาบอลิก (Metabolic Syndrome Care Center), ศูนย์ภูมิแพ้และหอบหืด (Allergy Center) ทั้งนี้ โรงพยาบาลฯ คาดว่า การก่อสร้างอาคารใหม่ดังกล่าวจะใช้งบประมาณเงินลงทุนประมาณ 2,343 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงอาคารปัจจุบัน (Renovating Existing Building) ภายหลังโครงการก่อสร้างอาคารใหม่แล้วเสร็จ และมีการย้ายศูนย์การแพทย์บางศูนย์จากอาคารปัจจุบันไปให้บริการในอาคารใหม่ตามที่กล่าวมาข้างต้น โรงพยาบาลฯ จะดำเนินการปรับปรุงพื้นที่การให้บริการในอาคารปัจจุบัน เพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากพื้นที่ใช้สอยที่ว่างลง โดยในอนาคตอาจมีการพิจารณาปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ และความต้องการของผู้รับบริการทางการแพทย์ อีกทั้งโรงพยาบาลฯ มีแผนการปรับปรุงโครงสร้างภายนอก (Re facade) เพื่อมีรูปลักษณ์สอดคล้องกับอาคารใหม่ โดยมีงบประมาณสำหรับโครงการดังกล่าว ประมาณรวม 370 ล้านบาท ระหว่างปี 2561-2565 โดยมีรายละเอียดดังนี้ โครงการพัฒนาห้องพักผู้ป่วยกึ่งวิกฤต (Step Down ICU), โครงการเพิ่มห้องผู้ป่วยอาการหนักหรือวิกฤต (ICU) และห้องอภิบาลผู้ป่วยโรคหัวใจ (CCU), โครงการปรับปรุงห้องพักผู้ป่วยใน และโครงการปรับปรุงโครงสร้างภายนอกของอาคารปัจจุบัน (Re Facade)
โครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการก้าวสู่การเป็นโรงพยาบาลดิจิทัล โรงพยาบาลฯ ได้มีการวางแผนการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้งานเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อการก้าวเข้าสู่การเป็นโรงพยาบาลดิจิทัล (Digital Hospital) ทั้งนี้ โรงพยาบาลฯ คาดว่า โครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในปี 2563 ภายใต้งบประมาณในการดำเนินงานทั้งสิ้น ประมาณ 80 ล้านบาท
โครงการพัฒนาก่อสร้างสถานที่สำหรับพนักงานและบุคคลกรทางการแพทย์ แบ่งเป็นโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงาน (Home Office) โรงพยาบาลฯ อยู่ระหว่างการวางแผนก่อสร้างอาคารสำนักงานสูงขนาด 6 ชั้น โดยคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จประมาณไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 ภายใต้งบประมาณในการดำเนินงานทั้งสิ้น ประมาณ 70 ล้านบาท นอกจากนี้ โครงการก่อสร้างหอพักพยาบาล โรงพยาบาลฯ อยู่ระหว่างการวางแผนก่อสร้างหอพักพยาบาลสูงขนาด 8 ชั้น จำนวนไม่เกิน 80 ห้อง สำหรับเป็นที่พักของพยาบาล โดยคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในปี 2562 ภายใต้งบประมาณในการดำเนินงานจำนวนประมาณ 200 ล้านบาท (รวมค่าที่ดิน และค่าก่อสร้าง)
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 800,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 800,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.0 บาท โดยเป็นทุนชำระแล้วจำนวน 600,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.0 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีทุนชำระแล้วเพิ่มเป็นจำนวนไม่เกิน 780,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 780,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.0 บาท (บนสมมติฐานว่าจะไม่มีการใช้สิทธิซื้อหุ้นส่วนเกินทั้งจำนวน) และจะมีทุนชำระแล้วเพิ่มเป็นจำนวนไม่เกิน 800,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 800,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.0 บาท (บนสมมติฐานว่าจะมีการใช้สิทธิซื้อหุ้นส่วนเกินทั้งจำนวน)
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณ วันที่ 29 มี.ค.2561 คือ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และครอบครัว ถือหุ้น 307,062,500 หุ้น คิดเป็น 51.18%
บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯ