xs
xsm
sm
md
lg

ดูโฮมยื่นไฟลิ่งขายไอพีโอ 468 ล้านหุ้น เตรียมเข้า SET

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ดูโฮมยื่นไฟลิ่งขายไอพีโอ 468 ล้านหุ้น เตรียมเข้า SET เผยเงินที่ได้จากการระดมทุนใช้ขยายธุรกิจ พัฒนาระบบ ERP และคืนเงินกู้ยืม

บมจ. ดูโฮม (DO) ยื่น Filing version แรก เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2561 เนื่องจากบริษัทฯ มีความประสงค์จะเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 468 ล้านหุ้น แบ่งเป็นจำนวนไม่เกิน 400,000,000 หุ้น และการเสนอขายหุ้นสามัญโดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ได้แก่ Amplus Holdings Limited จำนวนไม่เกิน 68,000,000 หุ้น รวมหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด และมีความต้องการจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมี บล. ภัทร และ บล. กสิกรไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

วัตถุประสงค์ของการใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของเงินลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจ, ใช้เป็นเงินทุนสำหรับการพัฒนาระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของกลุ่มบริษัทฯ, ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมให้กับสถาบันการเงิน รวมทั้งใช้ชำระคืนภาระหนี้อื่นที่บริษัทฯ อาจมีขึ้นในอนาคต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ

กลุ่มบริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง และให้บริการด้านวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจร ภายใต้แนวคิดการดำเนินธุรกิจ “ครบ ถูก ดี...ที่ดูโฮม” โดยมุ่งเน้นการนำเสนอสินค้าประเภทวัสดุก่อสร้าง ซ่อมแซม และตกแต่งบ้านที่ครบถ้วน หลากหลาย และมีคุณภาพ ในระดับราคาที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังให้บริการที่เกี่ยวเนื่องแบบครบวงจรเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า โดยกลุ่มบริษัทฯ มีสาขาที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 9 สาขา สินค้าของกลุ่มบริษัทฯ สามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ สินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง สินค้ากลุ่มวัสดุซ่อมแซม และสินค้ากลุ่มวัสดุตกแต่ง ซึ่งรวมเป็นจำนวนหน่วยเก็บสินค้า (SKUs) ที่มากกว่า 100,000 รายการ ทั้งที่เป็นสินค้าภายใต้ตราสินค้าของกลุ่มบริษัทฯ (House Brand) และสินค้าภายใต้ตราสินค้าอื่น (Non-house Brand)

กลุ่มบริษัทฯ มีสินค้าภายใต้ตราสินค้าของกลุ่มบริษัทฯ (House Brand) รวมมากว่า 13,000 หน่วยสินค้า (SKU) ซึ่งเป็นสินค้าที่ออกแบบและ/หรือสั่งผลิตจากโรงงานเพื่อวางจำหน่ายที่สาขาของกลุ่มบริษัทฯ ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถตั้งราคาขายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ (House Brand) ที่แข่งขันได้กับสินค้าภายใต้ตราสินค้าอื่น (Non-house Brand) และสามารถสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้เป็นอย่างดี โดยในปี 2560 กลุ่มบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากการขายและค่าบริการจากสินค้าภายใต้ตราสินค้าของกลุ่มบริษัทฯ (House Brand) เป็นร้อยละ 14.3 ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนสินค้าภายใต้ตราสินค้าของกลุ่มบริษัทฯ (House Brand) ในอนาคต เป็นร้อยละ 20.0 ของรายได้จากการขายและค่าบริการ ภายในปี 2563

กลุ่มบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยการขยายสาขาไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยเพื่อขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น โดยมุ่งเน้นการขยายสาขาในจังหวัด หรือพื้นที่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และเริ่มลงทุนขยายสาขาในพื้นที่ปริมณฑลมากขึ้น เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง และให้บริการด้านวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านชั้นนำในประเทศไทย ทั้งนี้ รูปแบบและขนาดของสาขาใหม่อาจมีการปรับเปลี่ยนไปจากสาขาปัจจุบัน โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ซึ่งรวมถึงความเหมาะสมของเงินลงทุน และสภาพตลาดของพื้นที่ที่ตั้งของสาขาใหม่ กลุ่มบริษัทฯ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในการก่อสร้าง (ไม่รวมค่าที่ดิน) ต่อสาขาประมาณ 11,000.00-15,000.00 บาทต่อตารางเมตร

กลุ่มบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการขยายสาขาไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย โดยภายในปี 2562 กลุ่มบริษัทฯ มีแผนการขยายสาขา 2 สาขา ซึ่งได้แก่ (1) สาขาเพชรเกษม เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่เขตปริมณฑลมากขึ้น และ (2) สาขาสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นการเปิดสาขาแรกในภาคใต้

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ คาดว่ารายได้จากการขายและค่าบริการของสาขาใหม่จะมีอัตราการเติบโตในระดับสูงในช่วงระยะเวลา 4 ปีแรกของการเปิดสาขา ทั้งนี้ จากข้อมูลรายได้จากการขายและค่าบริการของสาขาปัจจุบันที่เปิดดำเนินการครบ 4 ปีแล้ว (ไม่รวมสาขาอุบลราชธานี และสาขานครราชสีมา) ซึ่งได้แก่ สาขารังสิต สาขาขอนแก่น และสาขาอุดรธานี รายได้จากการขายและค่าบริการเฉลี่ยต่อสาขาในปีที่ 4 อยู่ที่ประมาณ 2,000.00 ล้านบาท

ผลการดำเนินงานของบริษัทฯงวด 3 เดือน สิ้นสุด 31 มี.ค.2561 มีสินทรัพย์รวม 16,603.67 ล้านบาท หนี้สินรวม 11,656.67 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 4,947.00 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและค่าบริการ 4,924.67 ล้านบาท รายได้รวม 4,940.12 ล้านบาท ต้นทุนขาย 4,186.13 ล้านบาท กำไรสุทธิ 185.63 ล้านบาท

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 1,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 1,800 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท และมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 1,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 1,400 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ทั้งนี้ ภายหลังจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 400 ล้านหุ้นในครั้งนี้แล้ว บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วทั้งสิ้น 1,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,800 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 พ.ค. 2561 คือกลุ่มครอบครัวตั้งมิตรประชา ถือหุ้นรวม 1,400 ล้านหุ้น คิดเป็น 100% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดการถือหุ้นลงเหลือ 1,332 ล้านหุ้น คิดเป็น 74%

บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการภายหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจัดสรรทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมาย และข้อบังคับของบริษัทฯ


กำลังโหลดความคิดเห็น