xs
xsm
sm
md
lg

สรรพากรคาดปีนี้บุคคลธรรมดาขอจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเพิ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


อธิบดีกรมสรรพากร คาดปีนี้มีผู้ทำธูรกิจในนามบุคคลธรรมดายื่นขอจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเพิ่มอีก 1 แสนราย หลัง ครม. มีมติขยายเวลาใช้มาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการบุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคล โดยได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ และภาษี มูลค่าเพิ่มออกไปถึงปี 62 ย้ำ ส่วนมาตรการยกเว้นภาษีรอบใหม่นี้ สิทธิประโยชน์ทางภาษีจะได้น้อยกว่ามาตรการที่กรมสรรพากรเคยให้ไว้เมื่อปีก่อน โดยไม่ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% และไม่ยกเว้นอากรแสตมป์

นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวถึงมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการบุคคลธรรมดาประกอบกิจการในรูปแบบนิติบุคคล และสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรว่า หลังคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 61 ให้ขยายเวลามาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการบุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคล โดยได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม ออกไปอีก 1 ปี เนื่องจากการโอนทรัพย์สินให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นหุ้นสามัญหรือหุ้นของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น กรมสรรพากรได้คาดหมายว่าจะช่วยให้ผู้ที่ทำธุรกิจในนามบุคคลธรรมดาสามารถเปลี่ยนสถานะมาเป็นนิติบุคคลเพิ่มขึ้นได้ 1 แสนราย

ทั้งนี้ ในปี 60 คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติตามที่กรมสรรพากรเสนอให้มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ กรณีการโอนทรัพย์สิน ไปเป็นในนามบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งหลังจากสิ้นสุดมาตรการดังกล่าวแล้ว มีบุคคลธรรมดาได้ยื่นขอโอนมาเป็นนิติบุคคลแล้ว 7 หมื่นราย จากผู้ประกอบการธุรกิจที่อยู่ในนามบุคคลธรรมดาที่มีอยูประมาณ 8 แสนรายทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม หลังจากสิ้นสุดมาตรการยกเว้นภาษีเมื่อสิ้นปี 60 แล้วยังคงมีอีกหลายธุรกิจที่ต้องการเปลี่ยนเป็นนิติบุคคล แต่ยังดำเนินการได้ไม่ทันกำหนด ดังนั้น เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้ขยายมาตรการยกเว้นภาษีดังกล่าวออกไปอีก 1 ปี โดยนับตั้งแต่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. 62 ส่วนมาตรการยกเว้นภาษีรอบใหม่นี้ สิทธิประโยชน์ทางภาษีจะได้น้อยกว่ามาตรการที่กรมสรรพากรเคยให้ไว้เมื่อปีก่อน โดยมาตรการใหม่จะยังยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ไม่ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตรา 3.3 % รวมถึงไม่ยกเว้นอากรแสตมป์

อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวต่อไปว่า ธุรกิจที่ทำในนามบุคคลธรรมดาทั้ง 8 แสนรายนั้น บางธุรกิจอาจไม่เหมาะกับการแปลงสถานะจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล อย่างไรก็ตาม ตนยังเห็นว่ามีธุรกิจจำนวนมากที่แปลงสถานะให้เป็นนิติบุคคล เนื่องจากจะทำให้มีภาระภาษีที่ต่ำลง เช่น ธุรกิจร้านค้าทอง ที่ทั้งระบบมีทั้งสิ้น 1.7 หมื่นร้าน และได้เข้ามาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว 1.5 หมื่นร้าน นอกจากนั้น ยังมีประเภทธุรกิจอีกหลายมากที่ควรเข้ามาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เช่น ธุรกิจก่อสร้าง, ธุรกิจขายเครื่องยนต์เก่า, ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจอัญมณี

ส่วนธุรกิจร้านขายยานั้น หลังจากทำความเข้าใจถึงประโยชน์ของการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว ได้มีร้านขายยากว่า 1 หมื่นรายที่ต้องการเข้ามาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่ยังติดปัญหาเรื่องการโอนใบอนุญาตประกอบกิจการร้านขายยาจากบุคคลไปเป็นนิติบุคคล ที่ตามกฎหมายยังทำไม่ได้

นายประสงค์ ยังย้ำด้วยว่า การเป็นนิติบุคคลจะมีภาระภาษีต่ำกว่าการทำธุรกิจในนามของบุคคลธรรมดา โดยในกรณีนิติบุคคลที่เป็นิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จะได้รับการยกเว้นภาษีนิติบุคคลสำหรับกำไรในส่วนที่ไม่เกิน 3 แสนบาทแรก แต่ในกรณีที่เป็นบุคคลธรรมดา ไม่ได้การยกเว้นตั้งแต่ 150,000 บาทแรก และกำไรที่เกิน 3 แสนบาท แต่ไม่เกิน 3 ล้านบาทนั้น จะเสียภาษีนิติบุคคลเพียง 15% นอกจากนี้ อัตราภาษีสูงสุดของบุคคลธรรมดาที่มีเงินได้สุทธิมากกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไป ยังมีภาระภาษีสูงถึง 35% ขณะที่นิติบุคคลมีอัตราภาษีเพียง 20 %

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป SMEs ที่จะยื่นขอกู้จากธนาคารพาณิชย์ จะต้องใช้บัญชีเดียวที่ยื่นต่อกรมสรรพากรเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นกู้กับธนาคาร ซึ่งหมายความว่า กรณีที่จะขอยื่นกู้ในปี 62 จะต้องทำระบบบัญชีให้ถูกต้อง หรือมีบัญชีเล่มเดียว ตั้งแต่ปี 61 เป็นต้นไป


กำลังโหลดความคิดเห็น