บล.เคทีบี ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (2-5 เม.ย.) ชี้ตลาดมีแนวโน้มขาขึ้น เนื่องจากปัจจัยที่เกี่ยวกับความกังวลต่าง ๆ เริ่มลดลง มองกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ที่ 1,760-1,800 จุด แนะเก็งกำไรช่วงสั้นในหุ้นที่ราคาลงมามาก และหุ้นที่มีปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจในประเทศ หุ้นแนะนำ PTT , CPALL , LH , ADVANC
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST มองหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (ระหว่างวันที่ 2-5 เม.ย.) ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากความกังวลเกี่ยวกับสงครามทางการค้าของนักลงทุนที่ลดลง หลังจีนพร้อมที่จะเจรจากับสหรัฐฯเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน กนง. ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ตามคาด พร้อมทั้งปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ในปีนี้ขึ้นเป็น 4.1% จากเดิมที่ 3.9% เนื่องจากการส่งออก และการท่องเที่ยว เติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่เผชิญแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยในประเทศด้วย จากแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมัน ย่อตัวลงจากตัวเลขรายงานสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ซึ่งออกมาสูงกว่าที่คาด ประกอบกับแรงขายจากหุ้นในกลุ่มธนาคาร หลังประกาศยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมออนไลน์ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยด้านการเมืองจากความกังวลที่โรดแมปการเลือกตั้งจะถูกเลื่อนออกไป ดังนั้น ปัจจัยลบต่าง ๆ ในตลาดเริ่มรับรู้ไปมาก ความเสี่ยงของตลาดเริ่มลดลง นักลงทุนยังคงติดตามปัจจัยในประเทศอยู่ต่อเนื่อง รวมทั้งผลจากการที่กลุ่มธนาคาร ทยอยออกโปรโมชัน ค่า Fee 0% ออกมา
สำหรับประเด็นที่ต้องติดตาม คือ การประกาศรายการสินค้าของสหรัฐฯ ที่จีนจะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในวันที่ 6 เมษายน และติดตามการรายงานตัวเลขอัตราการว่างงานเดือนมีนาคม โดยคาดว่าจะออกมาที่ 4% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.1% พร้อมทั้งรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ด้านตลาดยุโรป ติดตามรายงานตัวเลขอัตราการว่างงานเดือนกุมภาพันธ์ ของยุโรป ในวันที่ 4 เมษายน โดยคาดว่าจะออกมาที่ 8.5% ลดลงจากช่วงก่อนหน้าที่ 8.6%
ทั้งนี้ คาดดัชนีฯ มีโอกาสรีบาวนด์เข้าหา 1,800 จุด แต่การเข้าลงทุนยังคงต้องพิจารณาเป็นรายตัว หรือเป็นลักษณะเข้าซื้อหุ้นรายตัว ที่แนะนำสำหรับการเก็งกำไรช่วงสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้นกลุ่มแบงก์ ที่ราคาปรับตัวลงมามาก แต่ในเชิงปัจจัยพื้นฐานยังคงดีอยู่ หรือหุ้นที่คาดจะรีบาวนด์ ตามตลาดจากความกังวลเรื่องเลือกตั้งที่น่าจะลดลง อาทิ PTT, CPALL, LH, ADVANC
นอกจากนี้ กลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ เติบโตตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และการท่องเที่ยว อาทิ CPN, BDMS และ หุ้นที่มีลักษณะ Defensive มีอัตราปันผลตอบแทนสูง อาทิ PSH มองกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ที่ 1,760-1,800 จุด