xs
xsm
sm
md
lg

โบรกให้น้ำหนักเดือน เม.ย. ลงทุนพลังงาน และท่องเที่ยว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


โบรกให้น้ำหนักเดือน เม.ย. ลงทุนพลังงาน และท่องเที่ยว ชี้ จับตาผลประกอบการแบงก์ไตรมาสแรกและการเลือกตั้ง พร้อมติดตามปัจจัยต่างประเทศ

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในเดือน เม.ย. ให้น้ำหนักกับหุ้น 2 กลุ่มสำคัญ คือ กลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี ที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงราคาน้ำมัน และสเปรดผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี จะยังคงทรงตัวในระดับสูงภาพ ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยว ที่ได้ประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังคงแข็งแกร่ง ได้แก่ กลุ่มโรงแรม และกลุ่มพาณิชย์ ทั้งนี้ คาดดัชนีหุ้นไทยจะแกว่งตัวในกรอบ 1,750-1,850 จุด

นอกจากนี้ ปัจจัยในประเทศที่ต้องจับตามองคือการประกาศผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่แจ้งงบไตรมาสแรกปี 61 หากออกมาดีหรือแย่กว่าที่คาด จะนำไปสู่การปรับประมาณการกำไรของตลาดได้ นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการเลือกตั้งภายหลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตัดสินใจเข้าชื่อส่งร่างประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มา ซึ่ง ส.ว. ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ หากยุติเพียงเท่านี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยไม่มากนัก แต่ถ้ามีการเข้าชื่อเพื่อยื่นร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้กับศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาด้วย จะส่งผลกระทบต่อแผนการเลือกตั้งแน่นอน และกดดันตลาดหุ้นไทยได้

สำหรับปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม คือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน หากยังเกิดการโต้ตอบระหว่างกัน อาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่อหลายประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะผู้ส่งออกสินค้าวัตถุดิบและสิ้นค้าขั้นกลางไปยังประเทศที่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ผลต่อตลาดหุ้นนั้น อาจอยู่ในวงจำกัด เนื่องจากกลุ่มที่ได้รับผลกระทบนั้นไม่ได้มีมูลค่าตลาด (มาร์เกตแคป) อย่างมีนัยสำคัญ

นายพบชัย ภัทราวิชญ์ ผู้จัดการสายงาน วิจัย บล. เอเชียพลัส กล่าวว่า ในสัปดาห์แรกของเดือน เม.ย. คาดว่า ตลาดหุ้นไทยยังเคลื่อนไหวได้ดี แต่ต้องระวังในช่วงสัปดาห์ที่ 2 เนื่องจากจะมีแรงขายทำกำไรก่อนวันหยุดยาวเทศกาลวันสงกรานต์ ทำให้ตลาดมีความผันผวน และมูลค่าซื้อขายเบาบางลง นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันจากการประกาศจ่ายปันผล และการขึ้นเครื่องหมายผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล (เอ็กซ์ดี) ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ประมาณ 70 บริษัท ซึ่งเป็น บจ. ที่มีมาร์เกตแคปใหญ่ โดยจะเป็นปัจจัยกดดันดัชนีประมาณ 11 จุด ทำให้ดัชนีหุ้นไทยในเดือน เม.ย. ปรับขึ้นได้ไม่มาก คาดกรอบดัชนีแนวรับอยู่ที่ 1,750 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,835 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น