“เจ.ดี.พูลส์” เปิดเกมรุกตลาดสระว่ายน้ำในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อสร้างความเป็นผู้นำในอุตฯ นำร่องเปิดแบบใหม่ต้นปี “คาร์ดิโอ พูล” เจาะตลาดกลุ่มรักสุขภาพ และชื่นชอบการออกกำลังกาย วางเป้าขายปีแรก 200 ล้านบาท พร้อมเตรียมเข็น 3 แบบสระว่ายน้ำใหม่ มุ่งโรงแรมระดับ 4-5 ดาว กับกลุ่มเน้นเคลื่อนย้าย มั่นใจยอดขายปีนี้ได้ตามเป้า 900 ล้านบาท พร้อมรุกตลาดส่งออก คาดไม่เกิน 3 ปี ขยับสัดส่วนเป็น 20%
นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เจ.ดี.พูลส์ ผู้นำด้านอุตสาหกรรมสระว่ายน้ำในรูปแบบแฟรนไชส์ กล่าวถึงแนวโน้มตลาดสระว่ายน้ำในประเทศไทยว่า ปัจจุบัน ตลาดเปิดกว้างมากขึ้น ต่างจากในอดีต ที่เป็นตลาดเฉพาะ และจับกลุ่มผู้มีรายได้สูงที่มีบ้าน และพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยขณะนี้ราคาสระว่ายน้ำเริ่มมีราคาถูกลง ทำให้เกิดเซกเมนต์ใหม่ ๆ ของตลาดสระว่ายน้ำ เช่น ตอบสนองกลุ่มลูกค้าในธุรกิจท่องเที่ยว, โรงแรม, รีสอร์ต กลุ่มลูกค้าบุคคล ที่มีไลฟ์สไตล์ชอบการออกกำลังกาย และชอบกีฬาทางน้ำ ตลอดจนกลุ่มที่ต้องการสร้างสระว่ายน้ำเพื่อตอบสนองค่านิยมทางสังคม
ทั้งนี้ จากการขยายตัวของความต้องการลูกค้า การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเปิดกว้างของตลาด โดยเฉพาะตลาดสระว่ายน้ำเกรดบี และซี คาดว่าจะส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมสระว่ายน้ำในปี 2561 มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นระดับ 5% ถึง 8% จากมูลค่าตลาดรวมที่ 4,500 ล้านบาท แม้การเติบโตด้านมูลค่าตลาดอาจดูไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา เนื่องจากสระว่ายว่ายน้ำในปัจจุบันมีราคาถูกลง
จากการศึกษาพฤติกรรมและปัจจัยต่อการตัดสินใจซื้อสระว่ายน้ำไปจนถึงความต้องการของผู้บริโภคในตลาด พบว่าปัจจุบัน พฤติกรรมการเลือกซื้อสระว่ายน้ำของผู้บริโภคจะสอดคล้องกับปัจจัยต่าง ๆ 4 ขั้นตอน คือ 1. ไลฟสไตล์การใช้ชีวิต 2. เทรนด์การดูแลสุขภาพ 3. ขนาดที่ดินของบ้าน และ 4. ราคาสระว่ายน้ำ ซึ่งทุกส่วนมีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสระว่ายน้ำขนาดต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับพื้นที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค และกำลังซื้อของแต่ละคน
ปัจจัยดังกล่าว ทำให้ เจ.ดี.พูลส์ ศึกษาและพัฒนาสระว่ายน้ำสำเร็จในรูปไฟเบอร์กลาส ด้วยการนำนวัตกรรมการออกกำลังกายมาผสมผสานการพัฒนาสระว่ายน้ำรุ่นใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคที่รักสุขภาพ และชื่นชอบการออกกำลังกายในน้ำ ภายใต้ชื่อ “คาร์ดิโอ พูล” ซึ่งเป็นสระไฟเบอร์กลาสคุณภาพสูง ที่ใช้วัสดุเคลือบผิวนำเข้าจากออสเตรเลีย โครงสร้างแข็งแรง รับประกัน 15 ปี
“เราต้องพยายามสร้างตลาดใหม่ เพื่อการเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ ซึ่งสระว่ายน้ำ คาร์ดิโอ พูล เป็น 1 ใน 4 ซีรีส์ใหม่ที่บริษัทเปิดตัวในช่วงต้นปีนี้ ซีรีสที่ 2 จะเป็นสระว่ายที่มุ่งทำตลาดกลุ่มโรงแรมระดับ 4-5 ดาว และอีก 2 รุ่นที่เหลือ จะเน้นเพื่อวัตถุประสงค์การเคลื่อนย้ายง่าย โดยเป้าหมายของตัวเลขการขาย คาร์ดิโอ พูล ในปีแรก คาดหวังส่วนแบ่งแชร์ในตลาดรวม 4,500 ล้านบาท อยู่ที่ 5% หรือ 200 ล้านบาทเศษ หรือประมาณ 100 ลูก ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ยอดขายของในปีนี้เติบโตตามเป้า 900 ล้านบาท หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดสระว่ายน้ำรวมอยู่ที่ 20% ซึ่งเติบโตขึ้น 12% นับจากปีที่ผ่านมา”
ทั้งนี้ หากแยกลงตามประเภทของตลาดแล้ว ซึ่งมีราคาขายเป็นตัวกำหนดนั้น แบ่งได้เป็นกลุ่ม A สระว่ายน้ำราคาตั้งแต่ 8 แสนบาทขึ้นไป มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 30% และกลุ่ม B สระว่ายน้ำราคา 5-7 แสนบาท มีส่วนแบ่งตลาด 40% และอีก 30% นั้น เป็นกลุ่ม C ที่มีราคาอยู่ที่ 2-4 แสนบาท โดยเซกเมนต์ที่เริ่มมีการแข่งขันสูง และมีแนวโน้มอัตราการขยายตัวของตลาดมากที่สุด คือ กลุ่มบี และซี ซึ่งเป็นกลุ่มสระว่ายน้ำขนาดกลาง และขนาดพื้นที่จำกัด ที่มีราคาประหยัด นับเป็นที่สนใจของผู้ประกอบการหน้าใหม่ โดยหลาย ๆ รายได้มีการนำเข้าสินค้าต้นทุนต่ำจากประเทศจีนเข้ามาทำตลาด
“อย่างไรก็ตาม เมื่อแบ่งสัดส่วนตลาดสระว่ายน้ำออกตามกลุ่มลูกค้า จะพบตลาดใหญ่ที่สุด คือตลาดธุรกิจ ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าหลัก คือ โรงแรม รีสอร์ต วิลลา อพาร์ตเมนต์ บ้านเช่า ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาด 50% ส่วนที่เหลือ คือ ตลาดบุคคล 50%”
สำหรับตลาดต่างประเทศนั้น ในปีที่ผ่านมา มียอดขายคิดเป็น 100 ล้านเศษ หรือ 15% ของยอดรวมทั้งหมด (800 ล้านบาท) โดยสินค้าที่สามารถส่งออกได้ คือ ไอพาแนลไลน์เนอร์พูล สระคอนกรีตผนังสำเร็จที่สร้างได้ตามแบบที่ต้องการ ซึ่งเป็นสินค้าทดแทนสระว่ายน้ำกระเบื้อง รวมถึงนวัตกรรมสระว่ายน้ำ ซึ่งมีประเทศที่ส่งออก คือ โมร็อกโก, อินเดีย, พม่า, เวียดนาม, ลาว และกัมพูชา คาดว่าการส่งออกตลาดต่างประเทศจะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากยอดขาย หรือเกือบ 200 ล้านบาทใน 3 ปี โดยจะเน้นไปที่ประเทศในแถบอาเซียน และตะวันออกกลาง เป็นหลัก.