มั่นคงฯ ตั้งเป้าสัดส่วนกำไรจากอสังหาฯ เพื่อขาย-ให้เช่าและบริการ 50:50 ภายในปี 2563 จากปัจจุบัน 85:15 เตรียมลงทุนในธุรกิจท่องเที่ยว ผู้สูงอายุ สุขภาพ เผยอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรคาดได้ข้อสรุปปลายปีนี้ ล่าสุด ทุ่ม 160 ล้านบาท ปรับโฉมสนามกอล์ฟชวนชื่นกอล์ฟคลับ เปลี่ยนชื่อเป็น “ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ”
นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะรักษาสัดส่วนกำไรของ 2 ธุรกิจ คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย และธุรกิจอสังหาฯ เพื่อการเช่าและบริการให้อยู่ในระดับ 50 ต่อ 50 ในอีก 3 ปีข้างหน้า (ปี 2561-2563) โดยอสังหาฯ เพื่อขายจะมีรายได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท กำไร 12-15% หรือประมาณ 600 ล้านบาท
ดังนั้น เพื่อให้สัดส่วนกำไรจากการเช่าและบริการเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายดังกล่าวบริษัทจึงมีแผนเพิ่มรายได้จากธุรกิจอสังหาฯเพื่อเช่าและบริการให้มากขึ้น จากปัจจุบันสัดส่วนกำไรจากธุรกิจอสังหาฯเช่าและบริการอยู่ที่ 10-15% บริษัทจึงมีแผนที่จะขยายพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าให้เช่าจากปัจจุบันมีพื้นที่ราว 1.5 แสนตารางเมตร จะเพิ่มเป็น 3 แสน ตร.ม. เนื่องจากประเทศไทยยังมีศักยภาพและความแข็งแกร่งในการเป็นฐานการผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ และด้านสุขภาพ เนื่องจากทั้ง 2 ธุรกิจมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างหาพันธมิตรธุรกิจที่มีความชำนาญในแต่ละธุรกิจมาร่วมลงทุน ปัจจุบันอยู่ในขันตอนการเจรจาคาดว่าจะมีความชัดเจนในปลายปีนี้
นายวรสิทธิ์ กล่าวต่อว่า บริษัทยังได้ทุ่มงบลงทุนกว่า 160 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมชวนชื่นกอล์ฟคลับ บนพื้นที่กว่า 400 ไร่ ให้มีความทันสมัยมากขึ้นและได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ” โดยได้พัฒนาคลับเฮาส์และสปอร์ตคลับพื้นที่กว่า 5,000 ตร.ม.ขึ้นใหม่ ประกอบด้วย ห้องอาหาร ห้องสัมมนา ล็อกเกอร์ และห้องอาบน้ำ รวมถึงบริการโปรชอปที่มีสินค้าเกี่ยวกับกอล์ฟให้เลือกซื้อ ในส่วนบริเวณสปอร์ตคลับ ประกอบด้วย ฟิตเนส, ห้องโยคะ, สระว่ายน้ำ, ร้านกาแฟ รองรับกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทย และต่างชาติ ในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ รวมไปถึงงานเลี้ยงสังสรรค์และงานสัมมนามากขึ้น รวมถึงรองรับการใช้บริการของลูกบ้านของมั่นคงฯ โดยคาดว่าจะมีลูกค้าใหม่ และรายจ่ายต่อคนเพิ่มไม่น้อยกว่า 5% จากปกติมีผู้เข้ามาใช้บริการเฉลี่ยเดือนละ 4,500 ราย คาดว่าในปีนี้ จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 40% จากที่ผ่านมา ธุรกิจนี้มีรายได้เฉลี่ยปีละ 80 ล้านบาท
สำหรับที่ดินรอบสนามกอล์ฟที่ยังไม่ได้พัฒนาอีกกว่า 300 ไร่ บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย โดยในปีนี้มีแผนเปิดโครงการบ้านเดียว ขนาด 500-600 ตารางวา จำนวน 36 ยูนิต บนพื้นที่โครงการราว 50 ไร่ ติดสนามกอล์ฟ ขายในราคา 40 ล้านบาทขึ้นไป คาดจะเปิดตัวช่วงเดือน พ.ค. นี้
นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาโครงการบ้านเดียวขนาด 50-100 ตร.ว. บนพื้นที่โครงการราว 30 ไร่ ด้านหลังสนามกอล์ฟ ขายในราคา 4.3-5 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวได้ปลายปีนี้ อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทวางงบลงทุนโดยรวมไว้ประมาณ 4,000 ล้านบาท