xs
xsm
sm
md
lg

“แลนด์มาร์ค” รุกขยายโฮมออฟฟิศ “ดิ อิลิเมนท์” เฟส 2

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


โปรดักต์โฮมออฟฟิศโซนพระราม 9 รองรับดีมานด์กลุ่มลูกค้าในเมือง หลังที่ดินและราคาเช่าปรับตัวสูงขึ้น ด้านบริษัทแลนด์มาร์คฯ ขยายโอกาส พัฒนาเปิดขายเฟส 2 โครงการ “ดิ เอเลเมนท์ พระราม 9” ขณะที่ไนท์แฟรงค์ วิเคราะห์ศักยภาพทำเลพระราม 9 ซัปพลายโฮมออฟฟิศน้อย ระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นมีไม่มาก

นายธนะสิทธิ์ เฟื่องไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์มาร์ค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จจากการขายโครงการ “ดิ เอเลเมนท์ พระราม 9” ที่ในระยะ 4 เดือน เฟสแรก สามารถขายได้ 11 ยูนิต จากจำนวน 14 ยูนิต จากกลุ่มเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัป ล่าสุด บริษัทได้ลงทุนและเตรียมเปิดขายในเฟสที่ 2 ในรูปแบบโฮมออฟฟิศพรีเมียม สูง 5 ชั้น รวม 27 ยูนิต ออกแบบสไตล์โมเดิร์น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “home office design Modern Luxury” พร้อมลิฟต์ส่วนตัว โดยทำเลโครงการอยู่ห่าง เดอะ ไนน์ 150 เมตร บนพื้นที่โครงการรวม 4 ไร่ มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท

ส่วนในเฟส 2 จะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น เริ่มต้นที่ 26.9 ล้านบาท โดยบริษัทได้ทยอยปรับขึ้นจาก 22.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาเมื่อเปิดขายปีแรก โดยเป็นไปตามกลไกตลาดและราคาที่ดินในย่านดังกล่าวที่ขยับตัวสูงขึ้น สำหรับงานก่อสร้างในเฟสแรกจะแล้วเสร็จและพร้อมโอนปลาย พ.ค. นี้ ส่วนเฟส 2 จะโอนได้เดือน เม.ย. ปี 2562

“ด้วยซัปพลาย (Supply) ที่ดินในเมืองกรุงเทพฯ ชั้นใน ที่จะถูกนำมาพัฒนานั้นเหลือน้อย อีกทั้งราคาได้ขยับเพิ่มขึ้นสูง ส่งผลให้ทั้งราคาของที่อยู่อาศัยและออฟฟิศให้เช่าในเมืองปรับราคาขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 10% และ 5% ดังนั้น รูปแบบโฮมออฟพิศ (Home Office) ที่อยู่ตามรอยต่อพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน นั้น จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ”

สำหรับโครงการ ดิ อิลิเมนท์ พระราม 9 เกิดจากความตั้งใจที่จะทำให้โครงการนี้ ตอบโจทย์สำหรับนักธุรกิจรุ่นใหม่ผู้ที่ต้องการขยายธุรกิจในทำเลที่มีศักยภาพแบ่งพื้นที่ใช้สอยเพื่อทำงานและอยู่อาศัยอย่างลงตัว รองรับพนักงานได้ประมาน 25-30 คน เริ่มจากชั้น 1 เป็นที่จอดรถ ซึ่งจอดรถได้ถึง 6-8 คัน และส่วนของ Reception เพื่อใช้ต้อนรับผู้มาติดต่อ ชั้น 2 ออกแบบให้มีระเบียงกว้าง กระถางต้นไม้ที่มีความลึกพอปลูกต้นไม้ใหญ่ได้ เพื่อบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติที่ร่มรื่น ในส่วนชั้นสำนักงาน รวมถึงชั้น3, 4 พื้นที่ภายในที่เว้นไว้สำหรับปรับพื้นที่ให้เข้ากับความต้องการการใช้งานให้ตรงกับลักษณะของธุรกิจที่ทางลูกค้าต้องการ ชั้น 5 หรือชั้นบนสุด เป็นส่วน Master Bedroom จะมีระเบียงขนาดใหญ่สำหรับจัดสวนชั้นดาดฟ้า เพื่อพักผ่อนหย่อนใจในสวนได้อย่างเป็นส่วนตัว

บริษัทแม้จะเป็นรายเล็ก แต่ไม่มองว่ามีความเสียเปรียบในเรื่องของแบรนด์ เพราะในที่สุด ลูกค้าจะเลือกซื้อจากทำเล และความแตกต่างจากคู่แข่งมากกว่า ส่วนแผนธุรกิจจากนี้ บริษัทยังคงมุ่งพัฒนาแต่ตลาดลักชัวรี ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป เพราะมองว่าเป็นตลาดที่มีความต้องการ แต่สินค้าในตลาดมีน้อย โดยบริษัทสนใจทำเลทองหล่อ และสุขุมวิท ซึ่งขณะนี้กำลังหาซื้อที่ดินอยู่ ส่วนรูปแบบโครงการ เป็นไปได้ทั้งโฮมออฟฟิศ และคอนโดมิเนียม ขึ้นอยู่กับแปลงที่ดินที่ได้มา”

ด้านนายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด ที่ปรึกษาด้านการตลาดและการขาย กล่าวว่า ทำเลบริเวณพระราม 9, รามคำแหง, ประดิษฐ์มนูธรรม (เอกมัย-รามอินทรา)และศรีนครินทร์ นับเป็นทำเลศักยภาพแห่งใหม่ของการพัฒนาโฮมออฟฟิศ เนื่องจากใกล้ตัวเมืองและเป็นเขตรอยต่อของย่านธุรกิจ ย่านรัชดา, พระราม9, ทองหล่อและสุขุมวิท อีกทั้งใกล้สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์, มอเตอร์เวย์, ทางด่วนฉลองรัช และทางด่วนศรีรัช โดยทำเลนี้ยังใกล้ห้างสรรพสินค้า เดอะไนน์พระราม9, เดอะมอลล์รามคำแหง และโรงพยาบาลชั้นนำอย่าง โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์, โรงพยาบาลรามคำแหง รวมถึงสถานศึกษาสำคัญ เช่น มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต, มหาวิทยาลัยรามคำแหง, มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด, โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าถึง 3 สายที่เข้ามาเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับทำเลนี้ ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง (คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2563), รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน บางซื่อ-หัวหมาก (คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2563) และรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตลิ่งชัน-มีนบุรี (คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2566)

สำหรับอุปทานตลาดโฮมออฟฟิศบริเวณพระราม 9-รามคำแหง-ประดิษฐ์มนูธรรม-ศรีนครินทร์ จากปี 2554 จนถึง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ปี 2561 มีจำนวนอุปทานสะสมทั้งสิ้น 1,461 หน่วย โดยปีที่มีอุปทานเข้าสู่ตลาดมากที่สุดในปี 2557 ซึ่งมีโครงการโฮมออฟฟิศเปิดใหม่ถึง 512 หน่วย จากผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายเล็กในตลาด อย่างไรก็ตาม อุปทานใหม่ตั้งแต่ปี 2558-2560 อยู่ในระดับคงตัวเฉลี่ย 215 หน่วยต่อปี ขณะที่ 2 เดือนแรกของปี 2561 นั้น มีอุปทานใหม่เข้ามาในพื้นที่ศึกษาเพียง 8 ยูนิต เป็นที่น่าสังเกตว่าเฉพาะปี 2557 อุปทานกว่า 60% อยู่ในพื้นที่รามคำแหง-ประดิษฐ์มนูธรรม คาดการณ์ว่าเกิดจากความตื่นตัวของผู้ประกอบการที่ได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มในช่วงสองปีก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเจาะลึกลงไปที่อุปทานใหม่เฉพาะโฮมออฟฟิศระดับไพร์ม ซึ่งมีราคาขายต่อยูนิต 20 ล้านบาทขึ้นไป มีเพียง 149 ยูนิตเท่านั้น ที่เปิดตัวระหว่างปี 2554-ก.พ. 2561 โดย 47% ของอุปทานใหม่ทั้งหมดตั้งอยู่ในทำเลพระราม 9 ขณะที่อีก 42% และ 11% ตั้งอยู่ในทำเลรามคำแหง-ประดิษฐ์มนูธรรม และศรีนครินทร์ ตามลำดับ ซึ่งโฮมออฟฟิศระดับไพร์มนี้ทั้งหมดตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังจุดต่างๆของเมืองได้อย่างสะดวกสบาย รายล้อมไปด้วยสาธารณูปโภค สาธารณูปการครบครัน มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 450-1,140 ตารางเมตร เนื้อที่ดินขนาดตั้งแต่ 39-120 ตารางวาต่อยูนิต และมีหน้ากว้างเฉลี่ย 6-11 ม. ส่วนใหญ่มีลิฟต์โดยสาร สวน รวมถึงมีพื้นที่จอดรถได้มากกว่า 6 คันต่อยูนิต

ด้านอุปสงค์โฮมออฟฟิศที่เปิดขายในย่านพระราม 9-รามคำแหง-ประดิษฐ์มนูธรรม-ศรีนครินทร์นั้น ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากผู้ซื้อ โดยโครงการที่เปิดตัวระหว่างปี 2556-เดือนกุมภาพันธ์ปี 2561 มีอัตราการขายเฉลี่ย ณ ปัจจุบันประมาณ 80-85% ขณะที่โครงการที่เปิดตัวระหว่างปี 2554-2555 นั้น ปิดไปการขายไปหมดแล้ว ส่วนโครงการที่เปิดตัวใหม่ในปี 2560 มีอัตราการขายเฉลี่ยประมาณ 70% และด้านแนวโน้มตลาดที่บ่งชี้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า อสังหาริมทรัพย์ประเภทโฮมออฟฟิศเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการมีสำนักงานขนาดเล็กของตนเองในทำเลใกล้ศูนย์กลางธุรกิจ และสิ่งอำนวยความสะดวกสบายอื่น ๆ.


กำลังโหลดความคิดเห็น