บอร์ด ซุปเปอร์บล๊อก ไฟเขียวออกหุ้นกู้วงเงินกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท ระบุมีเป้าหมายเพื่อปรับโครงสร้างการเงินให้สมดุลกับแผนรุกธุรกิจไปข้างหน้า ระบุสถาบันการเงินพร้อมสนับสนุนเต็มที่เหตุมั่นใจในศักยภาพธุรกิจ หลังโชว์ผลงานได้อย่างสุดยอด ทำสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2560 กำไรสุทธิพุ่งกระฉูดจากปีที่ผ่านมา ส่วนปี 2561 ปักธงรายได้โตเกินร้อยละ 25 พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่ไฉไลกว่าเดิม “ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น”
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความพร้อมในการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศอย่างเต็มที่ เพื่อจะได้สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น และทำให้บริษัทฯ มีความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจอย่างยืนยาวต่อไปในอนาคต โดยล่าสุด คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 3.6 หมื่นล้านบาท มีเป้าหมายหลัก คือ เป็นการปรับโครงสร้างเงื่อนไขและต้นทุนทางด้านการเงินให้ลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำลง เสริมสร้างกระแสเงินสดให้รองรับการขยายงานของบริษัทขยายการลงทุนในอนาคต
“ด้วย SUPER เป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงแข็งแกร่ง ได้รับความไว้วางใจ พร้อมที่จะสนับสนุนด้านสินเชื่อจากสถาบันการเงิน เนื่องจากธุรกิจพลังงานทดแทนในปัจจุบันสามารถสร้างรายได้และกำไรให้บริษัทฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี ซึ่งแผนการที่จะออกหุ้นกู้ 3.6 หมื่นล้านบาทครั้งนี้ จะส่งผลดีกับบริษัทฯ หลายด้าน โดยเป้าหมายหลักในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อปรับเงื่อนไขการชำระและอัตราดอกเบี้ยให้ลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำลง ซึ่งจะส่งผลดีกับบริษัท ทำให้สามารถบริหารจัดการกระแสเงินสดได้ดีมากยิ่งขึ้น สามารถใช้ขยายงานได้อย่างต่อเนื่อง
นายจอมทรัพย์ กล่าวต่อว่า ในปัจจุบัน SUPER มีหลายโครงการที่ผุดขึ้นพร้อม ๆ กัน แต่จะไม่ส่งผลกระทบทำให้เกิดปัญหาการเงินสะดุด เพราะสามารถบริหารจัดการเรื่องเงินลงทุนในโครงการต่าง ๆ เรียบร้อยหมดแล้ว โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิตรวม 240 เมกะวัตต์ จะลงทุนก่อสร้างราว 8,500 ล้านบาท มีพันธมิตรจากประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างด้วยจะเป็นผู้ทำ turn-key ทั้งหมด ส่วนโครงการโรงไฟฟ้า โดยใช้เชื้อเพลิงทดแทนจากสิ่งปฏิกูลที่ไม่เป็นของเสียอันตราย กำลังการผลิตเสนอขาย 9.9 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดสระแก้ว ใช้เงินลงทุนก่อสร้างราว 1,300 ล้านบาท และมีเป้าหมายที่จะดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2561
“ผลการดำเนินงานในปี 2560 เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า SUPER สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น เห็นได้จากตัวเลขรายได้และกำไรที่ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทฯ โดยมีรายได้รวมกว่า 5,510.18 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 3,802.04 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 1,511.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,411.63 เมื่อเปรียบเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 361.62 ล้านบาท และในปี 2561 ได้วางเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 พร้อมก้าวขึ้นสู่ผู้นำด้านพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชีย ภายในปี 2563” นายจอมทรัพย์ กล่าว
พร้อมกันนี้ SUPER ได้จะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นบริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจพลังงานทดแทนที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งให้สอดคล้องกับแผนในการขยายการลงทุนออกไปสู่ต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชียภายในปี 2563
ส่วนการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรักเจอร์ฟันด์) มูลค่า 9,000-10,000 ล้านบาท โดยมีธนาคารกรุงเทพ (BBL) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ ไม่ได้มีแนวคิดล้มเลิกการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวแต่อย่างใด ขณะนี้รอเพียงความชัดเจนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในเรื่องกฎเกณฑ์ใหม่ของการตั้งกองทุนอินฟราสตรักเจอร์ฟันด์