xs
xsm
sm
md
lg

ฟู้ด แคปปิตอล ปี 61 เบนเข็มสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ฟู้ด แคปปิตอล กางแผนดำเนินธุรกิจปี 2561 เบนเข็มสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน หวังพลิกปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยน ทำให้ผลงานพลิกมีกำไร ขณะที่คาดจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นทันที หลังล้างขาดทุนสะสมเกลี้ยง ด้านผู้บริหาร “นราวดี วรวณิชชา” ระบุศักยภาพกลุ่มทุนใหม่ช่วยปรับโฉมบริษัทให้ดีขึ้น พร้อมแจงผลประกอบการปี 2560 ขาดทุน 943.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 122.81% จากงวดเดียวกันปี เหตุต้องรับภาระต้นทุนการดำเนินงานของธุรกิจเดิมที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

นางสาวนราวดี วรวณิชชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ด แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ FC เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2561 ว่ากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานบริษัทฯ นั่นคือจะมีกลุ่มทุนใหม่ ซึ่งนำโดยนายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ และนายสุรเชษฐ์ ชัยปัทมานนท์ เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และร่วมบริหารงาน โดยภายหลังจากที่มีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นเสร็จเรียบร้อย กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหม่ จะถือหุ้นใน FC ประมาณร้อยละ 87.45 หลังจากนั้น บริษัทฯ จะเปลี่ยนธุรกิจไปสู่พลังงานทดแทน เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพสามารถเติบโต และสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ ได้ในอนาคต ประกอบกับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 91.7 เมกะวัตต์ เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ไปตั้งแต่ปี 2557 และยังมี PPA ในมือแล้วอีก 14.64 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างรอลงนาม

“ธุรกิจอาหารก็จะทยอยขายออกไปเพื่อลดภาระของบริษัทฯ เพราะหากย้อนกลับไปดูผลการดำเนินงานในรอบหลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2556 มีผลขาดทุนมาโดยต่อเนื่อง และยอดขาดทุนก็พอกพูนมากขึ้นทุกปี เราจึงเลือกที่จะเข้าไปลงทุนในธุรกิจใหม่ คือ พลังงานทดแทนที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้และกำไร ซึ่งจะเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนการจำหน่ายไฟฟ้าในอนาคต ถ้าได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นแล้ว บริษัทฯ ก็พร้อมเดินหน้าทำงานตามที่กำหนดเป้าหมายไว้ทันที”

นางสาวนราวดี กล่าวต่อว่า ในอนาคต หาก FC สามารถล้างขาดทุนหมดเรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ ก็เตรียมที่จะพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในทันทีตามนโยบาย คือ ไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล เงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองอื่น ๆ

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2560 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการรวมทั้งสิ้น 703 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.4 ล้านบาท หรือ 3% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2559 ที่ทำได้ 683.6 ล้านบาท และขาดทุน 943.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 519.96 ล้านบาท หรือ 122.81% จากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุน 423.36 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น เพราะบริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้ในเดือนสิงหาคม 2559 ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ในปีปัจจุบันมีจำนวน 857.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 484.2 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 130 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 373.5 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากบริษัทฯ รับรู้ผลขาดทุนจากการปรับมูลค่าของเงินลงทุนใน Red Planet Hotels Limited จำนวน 348 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องตามมูลค่าที่ประเมินใหม่ของเงินลงทุนดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของค่าความนิยมเพิ่มเติมจำนวน 137.1 ล้านบาท และได้บันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าลูกหนี้จากการขายเงินลงทุน จำนวน 37 ล้านบาท ซึ่งรายการดังกล่าวเป็นขาดทุนที่ไม่เป็นตัวเงิน และไม่เกิดขึ้นประจำ


กำลังโหลดความคิดเห็น