ซุปเปอร์บล๊อก ปี 60 กำไรพุ่ง 1,511.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 189% ผู้บริหารรัพย์เดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศเต็มสูบ จ่อบุ๊กรายได้ โครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมกว่า 9 MW-โซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ฯ เฟส 2 จำนวน 33 MW โดยปัจุบันเตรียมพร้อมเสนอขายหุ้นกู้วงเงิน 1,000 ล้านบาท ภายในเดือน มี.ค. นี้ และเตรียมเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติออกหุ้นกู้อีก 36,000 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างต้นทุนทางการเงินครั้งใหญ่-รองรับแผนขยายธุรกิจ มั่นใจช่วยผลักดันรายได้-กำไรเติบโตแข็งแกร่ง
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER ผู้ดำเนินธุรกิจการให้บริการด้านการปฏิบัติการดูแลบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ รวมทั้งบริการ ให้คำปรึกษาด้านธุรกิจพลังงานทดแทน ประกอบด้วยพลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานขยะ, และพลังงานลม เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2560 (มกราคม-ธันวาคม 2560) ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 1,511.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 989.47 ล้านบาท หรือ 189% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 522.21 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวม 5,510.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,898.58 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 52.57% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 3,611.60 ล้านบาท
โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการรับรู้รายได้จากการขายไฟจากโครงการโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ภาคการเกษตรเฟส 1 รวม 64.70 เมกะวัตต์ ที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ปลายปี 2559 ซึ่งในปี 2560 รับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี
“ผลการดำเนินงานในปี 2560 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับอานิสงส์จากการรับรู้รายได้โครงการโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ภาคการเกษตรในเฟส 1 ที่ค้างมาจากในช่วงกลางปี และปลายปี 2559 ซึ่งในปี 2560 รับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี ผนวกกับบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้กำไรในปีนี้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ” นายจอมทรัพย์ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2561 นายจอมทรัพย์ กล่าวว่า จะเป็นปีที่บริษัทฯ ขยายตัวอย่างมีประสิทธิภาพ และมั่นคง ทั้งในส่วนของการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อสร้างรายได้และกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมั่นคง โดยในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม จ.สระแก้ว ขนาดกำลังการผลิต 9 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในช่วงเดือนเมษายน และโครงการโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ภาคการเกษตรในเฟสที่ 2 ขนาดกำลังการผลิต 28 เมกะวัตต์ จะ COD ในช่วงไตรมาส 4/2561
นอกจากนี้ SUPER ยังมีงานขายไฟฟ้าในโครงการรับซื้อไฟฟ้าจาก SPP Hybrid Firm ของ กกพ. ที่บริษัทฯเข้าประมูลก่อนหน้าและผ่านการคัดเลือกโดยมีกำลังการผลิตติดตั้ง 32 เมกะวัตต์ และมีปริมานการขายไฟฟ้า 16 เมกะวัตต์ นอกจากนั้นแล้ว ยังมีโครงการที่จะขายไฟฟ้าให้กับภาคเอกชน ซึ่งจะเข้ามาสนับสนุนผลประกอบการให้เพิ่มขึ้นในอนาคตอีกด้วย
ปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ที่เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 740.60 เมกะวัตต์ แต่หากเมื่อรวมกับโครงการที่อยู่ระหว่างกำหนดวันจำหน่ายไฟฟ้า และงานที่ประมูลได้เพิ่มจากโรงไฟฟ้าสหกรณ์ฯ และ SPP Hybrid Firm จะทำให้มีกำลังติดตั้งกว่า 800 เมกะวัตต์
ส่วนการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศระหว่างปี 2561-2562 บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการลงทุนในประเทศเวียดนาม ซึ่งบริษัทฯ ลงทุนร่วมกับพันธมิตรเวียดนาม ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 2 เพสแรกจำนวน 240 เมกะวัตต์ จากที่ได้ทำ MOA ไว้จำนวน 698 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในปี 2561 และคาดว่าจะ COD ในปี 2563 ผลักดันรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต นอกจากโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แล้ว SUPER ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะอยู่ในมืออีก 3 โครงการ จำนวน 26 เมกะวัตต์ ที่ได้ใบสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว โดยโครงการแรกตั้งอยู่ที่จังหวัดสระแก้ว จำนวน 9 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตและจำหน่ายไฟได้ประมาณเดือนมีนาคม 2561 ส่วนอีก 2 โครงการ จำนวน 17 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างเริ่มดำเนินการก่อสร้าง และคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเข้าพาณิชย์ได้ในปี 2562 และ 2563 ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน SUPER ยังคงมองหาโอกาสในการซื้อกิจการธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยจะเลือกลงทุนเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลมเท่านั้น ซึ่งมีประเทศกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มประเทศใน CLMV รวมถึงมาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, ญี่ปุ่น, จีน และออสเตรเลีย เพื่อผลักดันให้บริษัทฯ ก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชียภายในปี 2563 ตามเป้าหมาย
นายจอมทรัพย์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตอย่างน้อยปีละ 25% จากการขายไฟฟ้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศ และเตรียมพร้อมออกหุ้นกู้ 1,000 ล้านบาท ในเดือน มี.ค. 2561 จากวงเงินหุ้น
กู้ที่ขออนุมัติผู้ถือหุ้นไว้ในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท และยังเตรียมเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติออกหุ้นกู้อีก 36,000 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างต้นทุนทางการเงินครั้งใหญ่ และรองรับการขยายการลงทุนตามแผนงานของบริษัทฯ และบริษัทในเครือ เพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่ง และมั่นคง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น