ซิตี้ โกลด์ ชี้หุ้นไทยแค่ปรับฐานระยะสั้น ภาพรวมยังสดใสจากแนวโน้มผลตอบแทนของบริษัทในตลาดที่ยังดี โดยเฉพาะในกลุ่มธนาคาร สุขภาพ และสินค้าบริโภค พร้อมคาดการณ์จีดีพี เติบโต 3.8% แนะจัดพอร์ตกระจายความเสี่ยง แม้ภาพรวมทั่วโลกจะดีแต่ยังมีความผันผวน
นายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ซิตี้ โกลด์ ประเมินเศรษฐกิจโลกปีนี้เติบโตได้ต่อเนื่องจากปีก่อนที่ 3.4%% จากปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้นจากหลายภูมิภาคทั่วโลก ทั้งจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เศรษฐกิจยุโรปที่ฟื้นตัว การปรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศจีน และกระแสเงินทุนที่ไหลกลับเข้ามาในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ขณะที่แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นจะส่งผลดีต่อตลาดพันธบัตรในประเทศเกิดใหม่มากกว่าตราสารหนี้ในประเทศพัฒนาแล้ว รวมถึงการปรับลด QE โดยรวมจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นมากกว่าตลาดตราสารหนี้
ทั้งนี้ แม้ว่าซิตี้ โกลด์จะมองภาพตลาดหุ้นยังเติบโตได้ต่อเนื่องจากปัจจัยหลักที่ผลตอบแทนของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตได้ 9% แม้จะน้อยกว่าปีก่อนที่เติบโต 16% แต่ก็ถือว่าเป็นระดับที่มีความแข็งแกร่งทำให้ทิศทางตลาดฯ ยังเป็นขาขึ้น โดยซิตี้ ให้น้ำหนักที่ตลาดยุโรป และเอเชีย แต่ก็ยังมีความผันผวนที่เกิดขึ้นจากปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านการเมืองในคาบสมุทรเกาหลีเหนือ ตะวันออกกลาง และการเลือกตั้งของประเทศอิตาลี ดังนั้น จึงยังแนะนำลูกค้าให้กระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนในกองทุนผสม เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ในระยะยาว ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารก็ได้นำเสนอกองทุนไปแล้ว 4 กอง และจะมีเพิ่มอีก 1 กองทุนในเดือนกุมภาพันธ์นี้เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า
ส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังอ่อนค่าจากการขาดดุลงบประมาณภาครัฐ โดยเงินดอลลาร์สหรัฐฯ น่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และกำลังเข้าสู่ช่วงขาลงของเศรษฐกิจตามรอบระยะเวลา โดยซิตี้ คาดการณ์ว่า เงินยูโรจะแข็งค่าขึ้นในระยะปานกลาง รับผลจากปัจจัยของเศรษฐกิจที่ดีขึ้น เงินลงทุนไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และส่วนเกินจากบัญชีเดินสะพัดจำนวนมาก ขณะที่การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะมีส่วนช่วยให้สกุลเงินของตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชียมีความมั่นคง โดยค่าเงินริงกิตมาเลเซีย คาดว่าจะเติบโตสูงสุด
ด้านเศรษฐกิจไทยคาดการณ์ในปี 2561 เติบโตที่ระดับ 3.8% มีปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกที่จะมีการปรับลดเล็กน้อย แต่ความต้องการของตลาดในประเทศจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจาการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และอัตรารายได้ที่เพิ่มขึ้น ด้วยภาพรวมเศรษฐกิจที่ดีขึ้น รวมถึงทิศทางตลาดหลักทรัพย์ที่ยังดีต่อเนื่อง เป็นผลจากกำไรในกลุ่มธุรกิจธนาคาร สุขภาพ และสินค้าบริโภค จะได้รับแรงหนุนให้ปรับต้วเพิ่มขึ้น
“การปรับตัวลดของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงนี้ถือเป็นการปรับฐานหลังจากที่ราคาเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่องตั้งแต่ปีก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีในระยะยาว และการปรับฐานดังกล่าวก็เป็นเพียงระยะสั้น และคงไม่ต่ำไปกว่านี้แล้ว”
สำหรับธุรกิจของซิตี้ โกลด์ ในประเทศไทยนั้น มีการขยายตัวเป็นที่น่าพอใจทั้งด้านจำนวนลูกค้า และสินทรัพย์ ภายใต้การบริหาร (AUM) โดยในปีก่อนมีอัตราการเติบโตด้านจำนวนลูกค้ากว่า 40% และปีนี้ก็น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ด้วยจุดเด่นของซิตี้ โกลด์ ที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลายในการนำเสนอให้ลูกค้าทั้งการลงทุนในและต่างประเทศ รวมถึงจุดของรูปแบบการจัดพอร์ตและบทวิเคราะห์ที่เป็นสากลในทุก ๆ จุดของโลก