xs
xsm
sm
md
lg

(รับชมคลิป) บล. บัวหลวง คาดกลางปีหุ้นไทยแตะ 1,860 จุด จากภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวบวก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บล.บัวหลวง
บล. บัวหลวง ชี้อาจเห็นหุ้นไทยพุ่งทะลุ 1,860 จุด กลางปีนี้ เหตุภาพรวมเศรษฐกิจสะท้อนปัจจัยการลงทุนในทิศทางบวก กำไรบริษัทจดทะเบียนกลับมาเติบโตดีตามเป้า ส่วนสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าแนะกลยุทธ์เลี่ยงลงทุน หุ้นกล่มส่งออก, เดินเรือ, ปิโตรเคมี, และพลังงาน



นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บล. บัวหลวง เปิดเผยว่า ประเมินแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในครึ่งแรกปี 2560 อาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดอีกครั้งจากสถิติเดิมที่ 1,860 จุด สาเหตุหลักจากภาพรวมเศรษฐกิจมีการเติบโตที่ดี โดยคาดว่าปีนี้ขยายตัวที่ 4% ขณะที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนมีการเติบโตดี ซึ่งปกติในช่วงไตรมาส 1 จะทำกำไรสูงสุดของปี คาดปีนี้อยู่ที่ระดับ 2.8-3.8 แสนล้านบาท แต่ถ้ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/2561 ออกมาต่ำกว่าคาด หรือ อยู่ที่ 2.2-2.5 แสนล้านบาท มีโอกาสกดดันให้ดัชนีปรับตัวลดลงได้ ขณะที่ในครึ่งปีหลังนั้นประเมินว่าจะมีปัจจัยลบกระทบกับภาวะการลงทุนทั้งการที่ยุโรป และ ญี่ปุ่น ปรับลดมาตรการ QE
  
อย่างไรก็ตาม คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 1,860 จุด โดยพิจารณาจากค่า P/E ที่ 17 เท่า แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากลางปีนี้จะได้เห็นที่ระดับดังกล่าวแล้ว เพราะคาดเศรษฐกิจไทยโตต่อเนื่อง และ กำไร บจ. ช่วงไตรมาส 1/2561 เติบโตได้ดี โดยปกติถือว่าเป็นไตรมาสที่มีกำไรสูงสุดของปี ขณะเดียวกัน ประเมินว่า กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 110 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน ทั้งนี้ หากกำไรบริษัทจดทะเบียนครึ่งปีแรกออกมาดี คาดว่าจะมีการปรับประมาณการกำไรปีนี้ในรอบใหม่อีกครั้ง

“ประเด็นในเรื่องการเลือกตั้ง ซึ่งหากมีการเลื่อนออกไปอีก 3 เดือน เชื่อว่าจะไม่มีผลประทบต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย แต่หากว่ามีการเลื่อนออกไปอีก 1 ปี เชื่อว่าอาจจะกระทบต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย กดดันให้มีการปรับตัวลดลงได้ ซึ่งล่าสุด พบว่า ผู้จัดการกองทุนต่างชาติ ในช่วงปลายปีที่ผ่าน นักลงทุนกองทุนต่างประเทศยังไม่ได้เข้าซื้อหุ้นไทย เพราะให้น้ำหนักเรื่องการเลือกตั้งเป็นประเด็นหลัก ทำให้พลาดโอกาสการลงทุน เพราะดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ”

ทั้งนี้ ในส่วนของค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่านั้น มองว่าอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยปีนี้จะอยู่ที่ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยยังเกินดุลอยู่ อีกทั้งอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม แนะนำนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นกลุ่มส่งออก, ยานยนต์, ปิโตรเคมี, เดินเรือ เนื่องจากอยู่ในหุ้นกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบค่าเงินบาทแข็งโดยตรง และควรหันมาลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ หุ้นเกี่ยวกับความงาม และอสังหาริมทรัพย์ ที่จะสะท้อนกับดัชนีในทิศทางบวก


กำลังโหลดความคิดเห็น