ทรีนิตี้ มอง SET ปรับฐานรอบนี้ใช้เวลา 1-2 เดือน ก่อนวิ่งต่อ ขณะที่ ธปท. จับตาเฟดใกล้ชิด
นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล. ทรีนิตี้ คาดว่า การปรับฐานตลาดหุ้นรอบนี้ คาดว่าปรับตัวลงแรง เร็ว และจบเร็ว โดยอาจใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนในการปรับฐาน และจากนั้น มีโอกาสการปรับตัวขึ้นต่อ ทั้งนี้ จากสถิติในปี 1990 ตลาด Bull Market หรือตลาดที่ปรับขึ้นมาต่อเนื่อง 40% มักจะมีการปรับฐานราว 10% และใช้เวลา 1-2 เดือนในการปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสทยอยเข้าลงทุน
นายวิศิษฐ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ Real Bond Yield อยู่ที่ประมาณ 0.6-0.8% ซึ่งต่ำมาก ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินค่อนข้างต่ำ โดยตัว Real Bond Yield จะเป็นตัวกำหนดทิศทางหุ้นโลก ทำให้การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงหรือหุ้นจะให้ผลตอบแทนดีกว่า โดยยังคาดเป้าหมายดัชนี SET ปีนี้อยู่ที่ 1,900 จุด P/E 16.5 เท่า คาดกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 121 บาท
“การปรับฐานรอบนี้เป็น Correction ใน Bull Market ปรับแรงเร็วและจบเร็ว อาจใช้เวลา 1-2 เดือนในการปรับฐาน จากนั้น มีโอกาสปรับขึ้นต่อ เพราะ EPS ปรับตัวเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจโลกก็ยังดี” นายวิศิษฐ์ กล่าวในงานสัมมนา “ส่องเศรษฐกิจ พิชิตการลงทุน ปี 61”
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงตลาดมาจากความกังวลสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี โดยฉพาะกระแสข่าวว่า เกาหลีเหนือมีขีปนาวุธที่สามารถยิงไปถึงสหรัฐฯ ได้ โดยจะเห็นได้ว่า สหรัฐฯ ตั้งฐานทัพที่เกาะกวม เรื่องนี้อาจจะป้องกันความเสี่ยงด้วยการลงทุนทองคำสัดส่วน 5% และความเสี่ยงจาก Trump Policy หรือนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจส่งผลกระทบมายังภูมิภาคเอเชีย
ด้านนายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า สาเหตุที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ก.พ.) เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาดี และมีการปรับอัตราค่าจ้างแรงงานใน 18 รัฐ ทำให้เกิดความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว และถี่ขึ้น เพราะมีแนวโน้มเงินเฟ้อสูงขึ้น
ทั้งนี้ ธปท. จับตาดูอัตราค่าจ้างแรงงานของสหรัฐฯ ในช่วง 1-2 เดือนก่อน ว่าจะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อย่างไร ส่วนของไทย อัตราเงินเฟ้อยังค่อยฟื้นตัวขึ้นไป ขณะที่ค่าเงินบาทขณะนี้อ่อนตัวลงแล้วจากก่อนหน้าแข็งค่าขึ้นมากเพราะเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า
“โดยรวม สิ่งที่เกิดความผันผวน กระทบตลาดทุน แต่ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจเรายังแช็งแรง ธปท. มีมุมมองไปทางทีดีต่อเศรษฐกิจไทย” นายดอน กล่าว
ทั้งนี้ มุมมองของ ธปท. ยังคาดว่า เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และปีหน้าปรับขึ้นอีก 2 ครั้ง แต่สถานการณ์ขณะนี้ เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปค่อย ๆ ฟื้นตัว แต่คงไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว ส่วนญี่ปุ่น เศรษฐกิจค่อย ๆ ดีขึ้น และคงไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยเร็วเช่นกัน ทั้งนี้ ปัจจัยเหล่านี้ ธปท. จะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด