xs
xsm
sm
md
lg

หนีตายหุ้นตก/สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุนันท์ ศรีจันทรา


ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต้องหยุดการสร้างสถิติสูงสุดใหม่เป็นรายวันไว้ที่ระดับ 26,186.72 จุด  เพราะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเกิดการปรับฐานใหญ่ ดัชนีฯทรุดลง 665.76 จุด ส่งผลกระทบไปทั่วโลก กระดานหุ้นแดงฉาน กลายเป็นวิกฤตมินิแบล็กมันเดย์

นับตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก้าวเข้าสู่ยุคกระทิง ดัชนีฯดาวโจนส์พุ่งจากระดับประมาณ 19,000 จุด ทะลุขึ้นมายืนเหนือ 26,000 จุด หรือเพิ่มขึ้นกว่า 7,000 จุด และไม่มีแนวโน้มจะหยุดวิ่ง

แต่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีมากในแทบทุกด้าน สะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างชัดเจน นำไปสู่ผลลบในทางตรงกันข้าม โดยนักลงทุนสหรัฐฯ กังวลว่าจะมีการขยับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่ากำหนด และอัตราดอกเบี้ยจะปรับมากกว่าความคาดหมาย จากเดิมประมาณการว่าจะปรับครั้งละ 0.25% จำนวน 3 ครั้งในปีนี้ แต่อาจปรับเพิ่มถึง 4 ครั้ง

ทิศทางดอกเบี้ยเป็นมุมกลับกับทิศทางตลาดหุ้น ตามหลักการถ้าดอกเบี้ยลงหุ้นจะขึ้น ถ้าดอกเบี้ยขึ้นหุ้นจะลง

เมื่อแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ เป็นขาขึ้น และจะขึ้นสูงกว่าที่คาดหมายไว้ นักลงทุนจึงชิงขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงและเมื่อทุกคนเทขายพร้อมกันจึงกลายเป็นวิกฤต เช่นเดียวกับนักลงทุนทั่วโลก รวมทั้งนักลงทุนไทยที่ตื่นตระหนกเทขายหนีตาย


ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดรับสัปดาห์ใหม่เช้าวันจันทร์ถูกถล่มทันที ดัชนีทรุดลงกว่า 28 จุด หลุดจากระดับ 1,800 จุด ก่อนจะเริ่มกระเตื้องขึ้นบ้าง แต่สถานการณ์การลงทุนถือว่าเริ่มไม่นิ่งแล้ว

เพราะมีปัจจัยหลายด้านที่กระทบ ทั้งจากปัจจัยภายนอก และปัจจัยภายในแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่จะปรับขึ้นเร็ว และมากจำนวนครั้งขึ้น ต้องรอให้ตลาดหุ้นทั่วโลกซึมซับหมดเสียก่อน

ส่วนสถานการณ์การเมืองภายในประเทศไม่แน่นอน เพราะการเลือกตั้งทั่วไปจะไม่เกิดขึ้นในปีนี้ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศไว้ ขณะที่เสถียรภาพรัฐบาลกำลังสั่นคลอน และความวุ่นวายทางการเมืองปะทุขึ้นเป็นจุดๆ

นักวิเคราะห์หุ้นที่มองโลกสวยประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยกลายปีนี้จะขยับขึ้นยืนเหนือ 2,000 จุด แต่นักวิเคราะห์หุ้นที่มีมุมองในเชิงอนุรักษ์ ตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับ 1,850 จุด และเตือนว่า ดัชนีฯมีโอกาสถอยลงมาแถวระดับ 1,700 จุดได้ หากสถานการณ์การเมืองเกิดความวุ่นวาย และปลายปีไม่มีการเลือกตั้ง

หุ้นเข้าสู่ขาขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมปีก่อน ดัชนีขยับจากระดับ 1,575 จุด ขึ้นมาสูงสุดแต่ระดับ 1,840 จุด หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 265 จุด ภายในเวลา 4 เดือน และยังไม่เคยปรับฐานใหญ่

และการทรุดตัวลงแรงเมื่อวันจันทร์ยังไม่อาจฟันธงได้ว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับฐานรอบใหญ่ เพราะต้องดูแรงกระแทกจากปัจจัยภายนอกว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่องหรือไม่ และต้องรอประเมินสถานการณ์การเมืองภายในต่อไป

แต่นักวิเคราะห์ที่มองโลกสวยอาจกำลังทบทวนมุมมองใหม่ เพราะอะไรๆ เริ่มไม่แน่นอน สถานการณ์แวดล้อมไม่นิ่ง และเริ่มเห็นเงา “หมี” ตะคุ่มๆ บ้างแล้ว

นักลงทุนที่สนุกสนานเก็บเกี่ยวความมั่งคั่งจากตลาดหุ้นมาพักใหญ่จนฮึกเหิมในการเก็งกำไรคงต้องถอยมาตั้งหลัก ตั้งสติใหม่

เพราะช่วงเวลาดีๆ โอกาสทำเงินทำทองในตลาดหุ้นอาจเว้นวรรคไว้ชั่วคราว

การดิ่งลงของราคาหุ้น นักลงทุนบางส่วนอาจเห็นเป็นจังหวะในการช้อนซื้อ และเชื่อว่านักลงทุนประเภทเสือปืนไวทยอยเข้าไปช้อนเก็บหุ้นตุนไว้ในพอร์ตบ้างแล้ว แต่ส่วนใหญ่ยังคงจดๆ จ้องๆ มองดูเหตุการณ์ เพราะไม่แน่ใจว่าตลาดหุ้นจะปรับฐานเพียงชั่วคราว หรือเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับฐานรอบใหญ่

อย่างไรก็ตาม ความผันผวนรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์อาจเป็นสัญญาณเตือนว่า ตลาดหุ้นวิ่งมาไกลแล้วดัชนีที่พุ่งขึ้นสูงชัน ทำให้การลงทุนเริ่มเปราะบาง และพร้อมจะดิ่งหัวลงถ้ามีข่าวร้ายกระทบ

ข่าวดีในตลาดหุ้นกำลังจางหาย แต่ข่าวร้ายๆ เริ่มโผล่เข้ามาแล้ว นักลงทุนต้องเตรียมตัวรับมือไว้บ้าง อย่าเพลิดเพลินกับการเก็งกำไรจนละเลยในความปลอดภัยของเงินในกระเป๋า


กำลังโหลดความคิดเห็น