พฤกษา ผู้นำอันดับหนึ่งในวงการอสังหาฯ ประกาศแผนปี 61 ตั้งเป้ายอดขาย 53,742 ล้านบาท รายได้ 50,500 ล้านบาท ชูกลยุทธ์รักษาความเป็นที่หนึ่งในตลาด เผยแผน 3-5 ปี ดันกำไรให้สู่ระดับ 15% แจงความคืบหน้าโรงพยาบาลวิมุต คาดเปิดทันในปี 63 ตามแผนการขับเคลื่อนธุรกิจ พร้อมมุ่งโฟกัส 14 แบรนด์ เพื่อสร้างความได้เปรียบในเชิงรุกตลาด และเน้นการใช้นวัตกรรมและดิจิทัล พร้อมจับมือพันธมิตรร่วมพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการของที่อยู่อาศัยให้ดียิ่งขึ้น วางเป้าลดความผิดพลาดจากงานก่อสร้างใน 2 ปี ให้เหลือ 0% รุกตลาดแวลู-พรีเมียมเต็มสูบ
วานนี้ (16 ม.ค.) บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กับการเปิดแถลงแผนธุรกิจปี 2561 โดยเป็นจัดขึ้น ณ ฐานทัพใหม่ของพฤกษา ภายใต้ชื่อ “Pearl Bangkok” อาคารสำนักงานแห่งใหม่ที่มีรูปโฉมเปรียบเสมือน “ตึกไข่มุก” ที่รูปคล้าย ๆ กับตึก เดอะ เกอร์คิน (The Gherkin) ตึกทรงแตงกวาที่กรุงลอนดอน นอกจากไฮไลท์เรื่องถือฤกษ์ในการใช้อาคารสำนักงานแห่งใหม่ เป็นที่แจกแจงแผนแล้ว ยังมีการเปิดตัวอีกครั้งกับผู้บริหารระดับสูง “นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งหากลงลึกดูดีกรี รองประธานฯ คนใหม่แล้ว ก็ไม่ธรรมดา เพราะนางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ เคยได้รับตำแหน่งนายหญิงคนแรกของกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย และถูกจัดให้เป็นหนึ่งในหญิงแกร่งที่ทรงอิทธิพลในประเทศไทย
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ กับตำแหน่งใหม่ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้ ด้วยวิสัยทัศน์และพันธกิจของบริษัทฯ ที่จะก้าวไปสู่แบรนด์อันดับหนึ่งในใจคนไทย และเป็นที่หนึ่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์ พฤกษาจึงใส่ใจทุกคุณภาพเพื่อทั้งชีวิตที่ดีขึ้น ในปีนี้จึงมุ่งเน้นศึกษาเรื่องเมกะเทรนด์ของตลาด โดยอีก 5 ปีข้างหน้า มูลค่าตลาด Smart Home จะเติบโตเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 13.65% หรือมีมูลค่าตลาดประมาณ 137,950 ล้านบาท (ปี 2560 อยู่ที่ 121,380 ล้านบาท ) บริษัทฯ จึงนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้การพัฒนาที่อยู่อาศัย เพื่อเพิ่มคุณภาพและบริการ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในวันนี้ และอนาคต อาทิ การเยี่ยมชมโครงการใหม่ผ่านระบบ VR รวมถึงการสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ในบ้านผ่านระบบ AI เป็นต้น รวมถึงพัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อรองรับสำหรับสังคมสูงวัย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ใช้แผนกลยุทธ์การตลาดแบบ Digital Marketing เพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ส่งผลให้เว็บไซต์พฤกษา มียอดเข้ามาคลิกเว็บไซต์สูงสุดถึง 90 ล้านคน และก้าวขึ้นมาเป็นเว็บไซต์อันดับหนึ่งของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยปีที่ผ่านมา มียอดขายที่มาจากสื่อดิจิทัล 16,101 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าถึง 98%
ด้านภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี 2561 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล คาดว่าจะมียอดขายเติบโตจากปีที่ผ่านมา ประมาณ 5% มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 4.2 แสนล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนโครงการลงทุนด้านการคมนาคมของภาครัฐบาล ขณะที่ภาพรวมของยอดโอนในปีนี้ทั้งตลาด คาดว่าอยู่ที่ 3 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ตลาดหลักที่ขับเคลื่อนการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ยังคงเป็นตลาดในกรุงเทพฯ ที่มีการเติบโตอย่างมาก จากการลงทุนต่าง ๆ ในด้านการคมนาคมของภาครัฐที่จะมีรถไฟฟ้าครอบคลุมหลาย ๆ พื้นที่ในกรุงเทพฯ แม้ว่าจะส่งผลต่อราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ราคาที่ดินในประเทศไทยยังต่ำกว่าราคาที่ดินในประเทศเพื่อนบ้านที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลบวกต่อภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ไทยให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
แผน 4-5 ปี รักษากำไรให้เติบโต 15%
นางสุพัตรา กล่าวว่า ในปีนี้ทางบริษัทวางเป้ายอดขายไว้ที่ 53,742 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 13.1% ฐานหลักมาจากธุรกิจทาวน์เฮาส์ สัดส่วน 42.6% และรายได้ 50,500 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 10% มาจากธุรกิจทาวน์เฮาส์ 23,250 ล้านบาท สัดส่วน 46% รวมถึงการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้เติบโต 13.5% โดยมาจากแผนการเปิดโครงการใหม่ จำนวน 75 โครงการ มูลค่า 66,700 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์โฮม 44 โครงการ, บ้านเดี่ยว 18 โครงการ, คอนโดมิเนียม 5 โครงการ และโครงการในกลุ่มพรีเมียมอีก 8 โครงการ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เปิดไปแล้วทั้งหมด 56 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 59,200 ล้านบาท และการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งบประมาณ รวมถึงการร่วมกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพของสินค้าให้ดียิ่งขึ้น อาทิ การใช้เสาเข็มมาตรฐาน มอก. ของ GEL, ร่วมมือกับ SCG พัฒนาวัสดุก่อสร้างที่ทันสมัยมาใช้ในโครงการ และการพัฒนาคุณภาพสีทาบ้านร่วมกับ TOA เป็นต้น ด้านความคืบหน้าของโรงพยาบาลวิมุต ขณะนี้โครงการได้ผ่าน EIA และกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างโดยใช้งบประมาณ 650 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการแก่ลูกค้าได้ภายในปี 2563 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาแผนงานกับ 2 พันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมดำเนินงานของโรงพยาบาล
“เราตั้งเป้าหมายในช่วง 4-5 ปี (ปี 61-65) จะเพิ่มอัตรากำไรสุทธิเป็น 15% โดยจะเน้นการกระจายรายได้ไปในธุรกิจต่าง ๆ มากขึ้น นอกเหนือจากธุรกิจโรงพยาบาลวิมุติ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพื่อเป็นการหา New S Curve ใหม่ทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง ซึ่งปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการทำแผนธุรกิจในช่วง 3-5 ปี โดยคาดว่า แผนธุรกิจดังกล่าวจะแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาส 1/61” นางสุพัตรา กล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทยังจะยกระดับแบรนด์พฤกษา ให้ดียิ่งขึ้น โดยการปรับแบรนด์จากในอดีตที่มีอยู่ 48 แบรนด์ ปรับมาโฟกัสที่เหลือ 14 แบรนด์ โดยมีการกลุ่มธุรกิจในการพัฒนาโครงการตามกลุ่มธุรกิจพรีเมียมและกลุ่มธุรกิจแวลู ซึ่งการมีแบรนด์ที่พอดี จะทำให้เงินไม่กระจายเกินไปแต่จะกระจุกตัวอยู่ในการทำการตลาดที่ชัดเจน และตรงกลุ่มลูกค้า
นอกจากนี้ ทางบริษัทจะได้ดำเนินการปรับปรุงด้านงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยให้มีความผิดพลาดลดลงเป็น 0% ภายใน 2 ปี ซึ่งในปีนี้จะพยายามลดความผิดพลาดด้านการก่อสร้างให้ลดลงเหลือ 30-50% ซึ่งการพัฒนางานด้านการก่อสร้างที่ทำให้มีความผิดพลาดลดลง จะช่วยให้ลูกค้ามีความพึงพอใจมากขึ้น และส่งผลต่อการโอนโครงการของลูกค้าที่มีความราบรื่น และเปลี่ยนกลับมาเป็นรายได้ให้กับบริษัทได้อย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีการพัฒนางานด้านบริการหลังการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะนำเทคโนโลยีมาใช้ผ่านแอปพลิเคชันของบริษัท เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัท
พฤกษาฯ รุกขยายตลาดแวลู-พรีเมียม
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้ภาพรวมตลาดของกลุ่มธุรกิจแวลู มีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน อยู่ที่ 4.79% ทั้งตลาดบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม โดยมีมูลค่ามาอยู่ที่ 419,700 ล้านบาท โดยกลุ่มคอนโดฯ มีมูลค่าสูงถึง 230,000 ล้านบาท รองลงมาเป็นตลาดบ้านเดี่ยว เพิ่มมาอยู่ที่ 95,300 ล้านบาท
สำหรับแผนกลยุทธ์ของกลุ่มธุรกิจแวลู ในปีนี้ยังคงเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ระดับกลาง-ล่าง เพื่อรักษาฐานลูกค้ากลุ่มเดิม และขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปยังระดับกลาง-บนมากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมในทุกเซกเมนต์ โดยนำนวัตกรรม “พฤกษา 4.0” มาใช้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยทุกโครงการ พร้อมจับมือร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพการพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาโครงการแนวราบบนถนนบางนา-วงแหวน มูลค่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งถือได้ว่าเป็นโครงการเมกะโปรเจกต์ที่ใหญ่ที่สุดของปีนี้ ซึ่งจะผสมระหว่างระหว่างบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ และ Shophouse
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2561 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องครั้งใหญ่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการลงทุนโครงการมิกซ์ยูส (Mixed Use) ขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ ชั้นใน ซึ่งจะเปิดทำการในช่วงปี 2560-2565 รวมมูลค่ากว่า 720,000 ล้านบาท จำนวน 29 โครงการ และหากแยก จะพบว่า โครงการจากกลุ่มทุนขนาดใหญ่ เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์มูลค่ากว่า 690,800 ล้านบาท จำนวน 23 โครงการ และโครงการจากกลุ่มบริษัทอื่น ๆ มูลค่ากว่า 27,100 ล้านบาท จำนวน 6 โครงการ
สำหรับพฤกษาในปีนี้เตรียมเดินหน้าลุยตลาดพรีเมียมอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 6,800 ล้านบาท และเป้ารายได้ไว้ที่ 3,500 ล้านบาท และมีแผนเปิดโครงการใหม่ จำนวน 8 โครงการ มูลค่า 10,260 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องครั้งใหญ่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และมีปัจจัยความเสี่ยงของการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ บริษัทฯ จึงเน้นพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีจำนวนยูนิตไม่เยอะ ซึ่งจะให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า โดยพัฒนาที่อยู่อาศัยในรูปแบบใหม่ให้มีความโดดเด่นเฉพาะตัว เพื่อสร้างความแตกต่างจากตลาด และคู่แข่ง ซึ่งที่ผ่านมา ถือว่าพฤกษาได้ประสบความสำเร็จในตลาดพรีเมียมเป็นอย่างสูง และในปีนี้ก็มั่นใจได้ว่าจะเป็นอีกปีที่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้เช่นกัน.