นักบริหารเงิน ธนาคารพาณิชย์รายงาน ค่าเงินบาทวันนี้ ปิดตลาดที่ 32.63 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ใกล้เคียงจากเปิดตลาดที่ 32.64 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยระหว่างวันค่าเงินบาทแข็งค่าสุดที่ระดับ 32.62 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และอ่อนค่าสุดที่ระดับ 32.67 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.55-32.80 ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 32.61 ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย ด้วยมูลค่า 5.8 พันล้านบาท และ 800 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเทียบกับเงินยูโร และเงินเยน หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ และความหวังเรื่องการปฏิรูปภาษี ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับขึ้น ส่วนเงินปอนด์แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบสองเดือน เนื่องจากมีสัญญาณเชิงบวกจากการเจรจาเรื่อง Brexit โดยมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับจำนวนเงินที่อังกฤษต้องชำระเพื่อออกจากสหภาพยุโรป ขณะที่ประเด็นพรมแดนไอร์แลนด์ยังไม่มีข้อสรุป
ทั้งนี้ มองว่าค่าเงินบาทในช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มปรับฐานหลังจากที่ไม่สามารถแข็งค่าผ่านระดับ 32.50 ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญเชิงจิตวิทยา ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐฯ มีปัจจัยหนุนระยะสั้นเข้ามา โดยเราคาดว่า นักลงทุนต่างชาติไม่น่าจะปรับเพิ่มสถานะการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในช่วงก่อนสิ้นปี หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติ 51-49 เสียงผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีครั้งสำคัญ โดยขั้นตอนต่อไป จะเป็นการหารือในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะมีการปรับเนื้อหาเพื่อหาจุดร่วมระหว่างร่างฯ ของสองสภา ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ แสดงความมั่นใจว่าจะสามารถลงนามได้ก่อนวันคริสต์มาส และในสัปดาห์นี้ ตลาดจะให้ความสนใจกับรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤศจิกายนของสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นข้อมูลสำคัญชิ้นสุดท้ายก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 12-13 ธันวาคม ซึ่งในการประชุมรอบนี้ เราคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% โดยจุดสนใจของตลาดจะอยู่ที่การประเมินภาวะเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อของสหรัฐฯ รวมถึงการส่งสัญญาณว่า ในปี 2561 เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกสามครั้งตามที่เคยให้ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่
