บล. โกลเบล็ก มองตลาดหุ้นไทยขานรับ ครม. พิจารณาแผนลงทุนต่อเนื่องในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ มูลค่า 5 แสนล้านบาท บวกเม็ดเงินลงทุนในกองทุน LTF และ RMF มองดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,680-1,725 จุด แนะสะสม SUPER-SSP-PSTC-BGRIM-BPP และ KSL ด้านราคาทองคำแนะ trading long ช่วงสั้น หากราคาปรับตัวลงต่ำกว่า 1,290 ดอลลาร์สหรัฐฯ
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันมีแนวโน้มทรงตัวที่ระดับสูงจากที่คาดว่า การหารือในวันที่ 30 พ.ย. จะได้ข้อสรุปในการขยายการปรับลดกำลังการผลิต ซึ่งนักวิเคราะห์คาดจะส่งผลให้ตลาดเผชิญภาวะขาดแคลนน้ำมันราว 830,000 บาร์เรลต่อวันในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะขาดแคลน 310,000 บาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ ยังรวมถึงประชุม ครม. สัญจรเดินหน้าพิจารณาแผนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ครอบคลุมระบบราง, ถนน, ท่าเรือ และสนามบิน รวมทั้งหมด 14 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนราว 5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นแผนการลงทุนระยะ 5 ปี (2562-2566) และมีเม็ดเงินลงทุนในกองทุน LTF และ RMF หนุนดัชนีในช่วงปลายปี
ส่วนปัจจัยที่มีผลลบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะนี้มาจากกระแสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่คาดว่า เฟดจะเดินหน้าคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไป และ Fund Flow ยังคงผันผวน ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติ Net Sell ราว 2.1 หมื่นล้านบาท และคาดจะผันผวนต่อเนื่องไปจนถึงเดือนหน้าที่จะมีวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 29 พ.ย. สหรัฐฯ เปิดเผย GDP ไตรมาส 3/2560 ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) (เช้าวันที่ 30 พ.ย.) และในวันที่ 30 พ.ย. วุฒิสภาสหรัฐฯ มีกำหนดโหวดร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี และกำหนดประชุมกลุ่มโอเปก และนอกโอเปก เกี่ยวกับการขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมัน ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทยมีกำหนดรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มทรงตัวที่ระดับสูง การเดินหน้าเปิดประมูลโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่ต่อเนื่อง และเม็ดเงินเข้าซื้อกองทุน LTF และ RMF โดยมีปัจจัยกดดันจาก Fund Flow ที่ยังผันผวนในช่วงเดือนที่ผ่านมา คาดการณ์เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งสุดท้ายในเดือนธันวาคม
ดังนั้น ประเมินว่า SET ในสัปดาห์นี้จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,680-1,725 จุด ทั้งนี้ แนะนำซื้อเก็งกำไร SUPER, SSP, PSTC, BGRIM, BPP และ KSL หุ้นโรงไฟฟ้าที่ผ่านคุณสมบัติ SPP Hybrid ซึ่งจะประกาศผลในวันที่ 14 ธ.ค. ได้แก่ และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดประมูลโครงการลงทุนสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาทองคำยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยรูปแบบ round bottom ซึ่งการตั้งฐานใหม่ที่ระดับ 1,295-1,305 ดอลลาร์สหรัฐฯ ค่อนข้างมีความสำคัญต่อการปรับขึ้นในระยะถัดไป โดยคาดหวังให้เป็นรูป cup & handle เพื่อให้ระดับราคายืนเหนือ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งจะทำให้ทิศทางกลับมาเป็นขาขึ้นได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยทางการเมืองของสหรัฐฯ หลายอย่างเป็นได้ทั้งการเกื้อหนุน และกดดันต่อราคาทองคำ ซึ่งฝ่ายวิจัยมีมุมมองว่า ถ้าหากร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีมีแนวโน้มจะได้รับการยอมรับทั้งจากสภาสูง และสภาล่าง และสามารถออกบังคับใช้ได้เร็ว กระแสกดดันต่าง ๆ ที่มีต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะคลี่คลายลง และจะเป็นผลลบต่อราคาทองคำไม่ให้กลับตัวเป็นขาขึ้นได้ แต่ถ้าเกิดกรณีที่ร่างกฎหมายดังกล่าวมีปัญหายืดเยื้อ จะช่วยให้ราคาทองคำเริ่มต้นทิศทางขาขึ้นรอบใหม่ได้
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยได้ปรับคำแนะนำเป็น trading long สั้น ๆ และควรปิดทำกำไรเร็วขึ้น แต่ถ้าราคาปรับตัวลงต่ำกว่า 1,290 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเงินบาทแข็งค่าต่ำกว่า 32.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ควร stop loss หรือลดพอร์ตระยะสั้น