โกลเบล็ก มองภาพรวม SET ยังไปต่อได้ แม้มีปัจจัยกดดัน แต่สัปดาห์นี้ยังแกว่งผันผวนในกรอบ แนะจับตาปัจจัยต่างประเทศ
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวต่อเนื่อง จากการรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกประจำปี 61 ที่ระบุว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องราว 3% และในช่วงปลายปี 60 จะเข้าสู่ไฮซีซันเม็ดเงินหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลบวกให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ประกอบกับราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวในระดับสูงขานรับแนวโน้มที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันใน และนอกกลุ่มโอเปก จะขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตในการหารือปลายเดือนนี้
ส่วนปัจจัยที่ยังคงกดดันภาพรวมการลงทุนในระยะสั้น คือ ความล่าช้าในการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ และมีความซับซ้อนมากขึ้น และ Fund Flow ที่ยังคงผันผวน ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติ Net Sell สะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 หมื่นล้านบาท รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจของจีน เดือน ต.ค. มีหลายรายการชะลอตัว ได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ต.ค. ขยายตัว 6.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ชะลอตัวจากเดือน ก.ย. ที่ขยายตัว 6.6% และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ขยายตัว 7.3% ชะลอตัวจากที่ขยายตัว 7.5% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการลงทุนในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ขยายตัว 7.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งลดลงจากระดับ 8.1% ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาในสัปดาห์นี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีกำหนดลงมติต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีที่มีความแตกต่างกันในฉบับของสภาผู้แทนราษฎร และฉบับวุฒิสภา และในวันที่ 15 พ.ย. ทางสหรัฐฯ จะมีการรายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิตเดือน พ.ย. ยอดค้าปลีกเดือน ต.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ต.ค.
ส่วนในวันที่ 20 พ.ย. ทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ จะแถลงตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 3/60 ของไทย
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้าที่ยังดีต่อเนื่องจากปีนี้ ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยืนในระดับสูง และการเข้าสู่ไฮซีซันในช่วงปลายปี ที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยกดดันจากความล่าช้าของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี และ Fund Flow ที่ผันผวน
ดังนั้น ประเมินว่า SET ในสัปดาห์นี้จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,675-1,720 จุด แนะนำลงทุนหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ที่มีประเด็นบวกจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หนุนผลประกอบการเติบโต รวมทั้งกระแสข่าว กกพ. ที่คาดจะรับซื้อไฟฟ้าจากขยะ 78 เมกะวัตต์ ในสัปดาห์หน้า เปิดรับซื้อ VSPP Semi-firm 269 เมกะวัตต์ ต้นปี 61 และหุ้นที่คาดว่า ผลการดำเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ได้แก่ ANAN, COMAN, XO, MALEE, TPCH, TWPC, JUBILE
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า สำหรับความล่าช้าของอังกฤษในการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปนั้น จะเป็นปัจจัยกดดันสกุลเงินปอนด์ และยูโร ไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เป็นผลดีต่อราคาทองคำ ส่วนการเยือนเอเชียของประธานาธิบดีทรัมป์ ฝ่ายวิจัยมองว่าเป็นผลบวกต่อการค้าการลงทุนในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก แต่ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ทั้งในเอเชียตะวันออก และตะวันออกเฉียงใต้ ยังคงมีความเสี่ยงเช่นเดิม
นอกจากนี้ แม้ว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดตราสารหนี้เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ในการประชุมเดือน ธ.ค. ได้ปรับตัวลดลงจากความกังวลเรื่องการออกกฎหมายปฏิรูปโครงสร้างภาษีฉบับพรรครีพับลิกัน และรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะล่าช้าออกไปมากก็ตาม แต่แนวโน้มที่ Fed จะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสุดท้ายของปีมีน้อยมาก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตราเงินเฟ้อมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น
ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ในปีหน้า จะยังคงมีการปรับขึ้นได้ตามแผน ทำให้ราคาทองคำได้รับเพียงผลบวกในระยะสั้น จากประเด็นความกังวลเรื่องร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี แต่ไม่ใช่ปัจจัยบวกสำหรับระยะกลางถึงยาว จึงคงคำแนะนำให้ผู้ลงทุนจับจังหวะ trading ในช่วงระหว่างกรอบรับหลักที่ 1,240-1,260 ดอลลาร์สหรัฐฯ กับแนวต้านจิตวิทยา 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ