เอเอฟพี/มาร์เกตวอตช์ - น้ำมันขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนเมษายนในวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) จากแรงหนุนสต๊อกเบนซินที่ลดลงในสหรัฐฯ ขณะที่วอลล์สตรีทปิดบวกท่ามกลางรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ขณะที่ทองคำดิ่งแรงเกือบ 10 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 46 เซ็นต์ ปิดที่ 52.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 86 เซ็นต์ ปิดที่ 59.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันยังคงได้แรงหนุนจากข้อมูลของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (25 ต.ค.) ด้วยพบว่าคลังน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นลดลงมากกว่าที่คาดหมายไว้ ขณะเดียวกันก็ยังจับตาไปที่การพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะขยายข้อตกลงลดกำลังผลิตที่นำโดยโอเปก
รายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดกับประเด็นดังกล่าว เผยว่า ซาอุดีอาระเบีย และรัสเซีย สองชาติผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก ต้องการขยายกรอบเวลาข้อตกลงลดกำลังผลิตออกไปจนถึงช่วงปลายปีหน้า
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) ปิดบวกพอสมควร จากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งโดยทั่วไปของบริษัทต่างๆ และความคืบหน้าของแผนลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในสภาคองเกรส
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 71.40 จุด (0.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 23,400.86 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 3.25 จุด (0.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,560.40 จุด แนสแดค ลดลง 7.12 จุด (0.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,556.77 จุด
หุ้นของหลายบริษัทขยับขึ้นหลังรายงานผลประกอบการ ในนั้นรวมถึง ฟอร์ด ปิดบวก 1.9 เปอร์เซ็นต์ และยูพีเอส ปิดบวก 0.7 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่รายงานผลดำเนินงานของบริษัทต่างๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่ดันให้วอลล์สตรีทขยับขึ้นทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังได้แรงหนุนจากความเคลื่อนไหวของสภาคองเกรสต่อข้อเสนอลดภาษี ซึ่งในวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) ได้ขจัดขวากหนามหนึ่งได้สำเร็จ หลังสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบร่างงบประมาณปี 2018 ฉบับของวุฒิสภา วงเงิน 4 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นการกรุยทางสู่การพิจารณาแผนปฏิรูประบบภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต่อไป
ส่วนราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนสิงหาคม หลังยูโรอ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 9.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,269.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์