บริษัท โพลารีส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน)หรือ หุ้น POLAR ถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. สั่งให้ชี้แจงข้อมูลครั้งล่าสุดถูกสั่งให้เปิดเผยรายละเอียดการถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 60 ที่ผ่านมา
โพลาร์ติดค้างคำชี้แจงกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์ฯ หลายประเด็นแล้ว และแม้จะถูกขีดเส้นตายเงื่อนเวลาที่ต้องชี้แจง แต่ฝ่ายบริหารโพลาร์ยังคงเพิกเฉยต่อคำสั่ง
ธุรกรรมสำคัญๆ ของโพลาร์ ซึ่งจะต้องแจ้งข้อมูลให้ตลาดหลักทรัพย์รับทราบในทันที แต่ฝ่านบริหารบริษัทฯกลับจงใจปกปิดมาตลอด
การยื่นขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้บริหารโพลาร์ไม่ได้แจ้งข้อมูลให้ตลาดหลักทรัพย์รับรู้ทั้งที่เป็นข้อมูลที่มีนัยสำคัญต่อการดำเนินงาน
การยื่นคำร้องขอถอนคำร้องฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการบริษัทไม่ได้แจ้งเหตุผลหรือมีคำอธิบายอย่างไร ทั้งที่เพิ่งยื่นขอฟื้นฟูกิจการไปไม่ถึง 2 เดือน
ส่วนการที่ผู้ถือหุ้นบางกลุ่มจัดประชุมเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารบริษัทฯไม่แจ้งให้ผู้ลงทุนทั่วไปรับทราบ
ล่าสุด การถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ผู้บริหารโพลาร์ไม่ยอมแจ้งข้อมูลให้ตลาดหลักทรัพย์รับทราบทั้งที่เป็นข้อมูลสำคัญ และมีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ถือหุ้น
ไม่มีใครรู้แล้วว่า สถานการณ์หุ้นโพลาร์ในปัจจุบันเป็นอย่างไร จะฟื้นฟูกิจการได้หรือไม่ จะแก้ปัญหาหนี้สินอย่างไร
มีเพียงผู้บริหารโพลาร์เท่านั้นที่กุมความลับไว้ทุกอย่าง มีเพียงคณะกรรมการบริษัทฯเท่านั้นที่จะชี้แจงได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับหุ้นโพลาร์ และสถานการณ์ความเลวร้ายในบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ เริ่มต้นจากจุดไหน ใครเป็นผู้ก่อ คณะกรรมการบริษัทฯต้องรับผิดชอบหรือไม่
แต่คณะกรรมการและฝ่ายบริหารโพลาร์ไม่มีใครออกมา “ให้การ”ใดๆกับผู้ถือหุ้น และดูเหมือนจะดื้อแพ่งกับคำสั่งของ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ โดยไม่ยอมชี้แจงข้อมูลใดภายในเงื่อนเวลาที่กำหนด
หุ้นโพลาร์ ถูกพักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา เนื่องจากไม่สงงบการเงินไตรมาสแรกปี 2560 ภายในเวลาที่กำหนด หลังจากนั้นบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้มีแต่ข่าวร้าย
งบการเงินที่ถูกจัดทำให้ดูดี แต่เพียงไม่กี่วันหลังประกาศงบฯ คณะกรรมการบริษัทฯกลับแจ้งว่า บริษัทมีหนี้สินล้นพ้นตัว จนต้องยื่นขอฟื้นฟูกิจการ ก่อนถูกสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
การบริหารงานของโพลาร์เป็นเรื่องที่ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ จำเป็นต้องตามตรวจสอบหาพฤติกรรมความผิดปกติ เพราะในรอบ 3 ปี มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนนับสิบครั้ง แต่เงินเพิ่มทุนถูกนำไปทำอะไร และเหตุใดผลดำเนินงานจึงขาดทุนต่อเนื่อง
การซื้อทรัพย์สินแต่ละรายการ มีความโปร่งใสหรือไม่ การวางเงินมัดจำซื้อที่ดินย่านพหลโยธินจำนวน 350 ล้านบาท ซึ่งยังไม่มีข่าวว่าได้รับคืน จะได้รับคืนหรือไม่ และคณะกรรมการบริษัทฯต้องรับผิดชอบขนาดไหน
การปล่อยกู้160 ล้านบาทให้บริษัท ไซมิส แอ็คคอม จำกัด คณะกรรมการมีหลักเกณฑ์พิจารณาอย่างไร และจะเกิดปัญหาการเรียกหนี้คืนหรือไม่
ธุรกรรมต่างๆในโพลาร์ มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อน งการเพิ่มทุนขายบุคคลในวงจำกัด (พีพี) ทั้งการซื้อทรัพย์สิน รวมทั้งการจ่ายมัดจำการซื้อทรัพย์สินด้วยเงินก้อนโต และการปล่อยกู้บริษัทอื่น ทั้งที่ฐานะทางการเงินของโพลาร์ง่อนแง่น
ก.ล.ต.กำลังลุยตรวจค้น ตามแกะรอยพฤติกรรมความผิดของผู้บริหารโพลาร์ ซึ่งเป็นวาระที่สำคัญมาก เพราะโพลาร์จะเป็นเบาะแสในการตรวจสอบหุ้นอีกหลายตัวที่มีพฤติกรรมเดียวกับโพลาร์
ถ้าดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่ทำให้ผู้ถือหุ้นโพลาร์ได้รับความเสียหายได้ ก.ล.ต.ก็สามารถขยายผลเอาผิดกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนอีกนับสิบแห่งทีมีพฤติกรรมเดียวกับโพลาร์
หุ้นที่เพิ่มทุนถี่ สูบเงินจากผู้ถือหุ้นแล้วนำไปซื้อทรัพย์สินในราคาที่แพงเกินจริง ขณะที่ผลดำเนินงานขาดทุนทั้งปีทั้งชาติ ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้รับความเสียหาย อยู่ในข่ายที่ก.ล.ต.ต้องตรวจคนทั้งสิ้น
ผลงานตรวจค้น อาจพบความจริงที่น่าตกใจ โดยผู้อยู่เบื้องหลังหุ้นที่มีพฤติกรรมเหมือนโพลาร์นับสิบบริษัท อาจเป็นคนกลุ่มเดียวกันก็ได้
และคนเพียงกลุ่มเดียวนี่แหละที่ก่อความเสียหายให้นักลงทุนนับแสนคน