ดัชนีธุรกิจกรุงไทยไตรมาส 2 ลดลงเล็กน้อย ส่วนหนึ่งเกิดจากการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวและเงินบาทแข็งค่า แต่นักธุรกิจคาดหวังแรงกระตุ้นจากภาครัฐช่วยฟื้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อเนื่องครึ่งปีหลัง ประเมินน้ำท่วมเสียหาย 5,000-8,000 ล้านบาท
นายพูลพัฒน์ ศรีเปล่ง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารความเสี่ยง ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ดัชนีธุรกิจกรุงไทยไตรมาส 2/2560 จากการตอบกลับแบบสำรวจของลูกค้านักธุรกิจ 2,573 รายทั่วประเทศ พบว่าค่อนข้างอ่อนไหวและกลับไปลดต่ำกว่าระดับปกติที่ระดับ 49.38 จากระดับ 50.56 ในไตรมาสก่อน เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลด้านกำลังซื้อและความเปราะบางของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะระดับฐานราก หลังราคาสินค้าเกษตรสำคัญเริ่มชะลอลง อีกทั้งค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลต่อการส่งออกระยะถัดไป
นอกจากนี้ ยังกังวลต่อการบริหารจัดการแรงงานและต้นทุนการผลิต หลังรัฐบาลเตรียมบังคับใช้กฎหมายแรงงานต่างด้าว โดยกลุ่มธุรกิจที่พบว่ามีความกังวลมากขึ้น ได้แก่ ธุรกิจการเกษตร ธุรกิจพาณิชกรรม ธุรกิจบริการ ธุรกิจก่อสร้าง และ ธุรกิจการเงินและประกันภัย อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มธุรกิจที่ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ได้แก่ ธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตร ธุรกิจอุตสาหกรรม และ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากต้นทุนการผลิตลดลงตามราคาสินค้าเกษตร ต้นทุนทางการเงินลดลงตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่และการส่งออกที่เติบโตสูงกว่าคาดการณ์
ทั้งนี้ หากพิจารณาความเชื่อมั่นจำแนกตามภูมิภาค พบว่าภาคกลางและตะวันตกความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นแหล่งนิคมอุตสาหกรรมและแหล่งผลิตสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญที่มีแนวโน้มเติบโต เช่น อิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ซึ่งผู้ประกอบการได้รับผลบวกจากการส่งออกขยายตัวและการฟื้นตัวของตลาดในประเทศ กรุงเทพฯ และปริมณฑล แม้ความเชื่อมั่นลดลง แต่เป็นภูมิภาคที่มีความเชื่อมั่นสูงสุด เนื่องจากจะมีการลงทุนด้านคมนาคมเกิดขึ้นอีกหลายโครงการ เช่น รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สีชมพู สีส้ม และสีม่วงส่วนต่อขยาย ภาคตะวันออก ความเชื่อมั่นลดลงจากการท่องเที่ยวที่ยังได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ แม้จะได้รับแรงหนุนจากการส่งออก และความคาดหวังต่อโครงการ EEC ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากการค้าชายแดนช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม โดยเฉพาะการส่งออกไปเมียนมาร์และลาวที่หดตัว ภาคใต้ เป็นภูมิภาคที่ความเชื่อมั่นต่ำที่สุด เนื่องจากผลกระทบของราคายางพาราและปาล์มน้ำมัน
ส่วนไตรมาส 3/2560 หากรัฐบาลดึงการลงทุนเข้าสู่ EEC ได้มากขึ้นและขับเคลื่อนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ได้ตามเป้า รวมถึงผู้ประกอบการมีความพร้อมกับเรื่องการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวที่มีความชัดเจน จะช่วยหนุนความเชื่อมั่นดีขึ้น สำหรับผลกระทบของอุทกภัยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ฝ่ายวิจัยความเสี่ยงธุรกิจประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจเบื้องต้น 5,000 - 8,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพียงร้อยละ 0.05 ของจีดีพี โดยส่วนใหญ่เกิดจากภาคการค้าและการท่องเที่ยว ขณะที่พื้นที่เกษตรเสียหายประมาณ 600 - 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ธนาคารจึงยังคงคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ร้อยละ 3.5 และร้อยละ 3.6 ในปีหน้า