xs
xsm
sm
md
lg

บอร์ด “ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์” ไฟเขียวลงทุนในญี่ปุ่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บอร์ด “ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์” อนุมัติลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ และพลังงานลม รวม 3 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 194.16 ล้านบาท  ผู้บริหารคาดเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า พร้อมผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) สิงหาคมนี้ และรับรู้รายได้ทันที แย้มครึ่งปีหลัง พร้อม COD อีก 10 โครงการ 

นายสุวิทย์ วรรณะศิริสุข ผู้อำนวยการสายบัญชีและการเงิน บริษัท ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TLUXE ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำ ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ ตลอดจนดำเนินธุรกิจโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Energy) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Energy) และโรงไฟฟ้าพลังงานลม รวม 3 โครงการในญี่ปุ่น มูลค่าการลงทุนรวม 194.16 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทำสัญญาซื้อขายได้ในเดือนสิงหาคม 2560 และคาดว่า โรงไฟฟ้าจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในเดือนสิงหาคมนี้ ทำให้สามารถรับรู้รายได้ได้ทันที

ทั้งนี้ การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในญี่ปุ่นเพิ่มในครั้งนี้ เพื่อรักษาโอกาสทางธุรกิจ และเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากราคาขายไฟฟ้าในอัตราสูงสุดตามกฎเกณฑ์ของกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม (METI) ด้วยการซื้อกิจการบริษัท Lena Power Station No.1 Limited Liability Company ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศญี่ปุ่น และเป็นสัญชาติญี่ปุ่น

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพทั้ง 2 โครงการ มีขนาดกำลังการผลิตรวม 250 กิโลวัตต์ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเบบปุ จังหวัดโออิตะ ประเทศญี่ปุ่น โดยมีมูลค่ารวมของทั้งสองโครงการ 600 ล้านเยน หรือ 183.17 ล้านบาท และคาดว่าจะเริ่มขายไฟฟ้าได้ในเดือนสิงหาคม 2560 ซึ่งจำหน่ายไฟฟ้าให้กับบริษัท คิวชู อิเล็กทริก พาวเวอร์ จำกัด มีอัตรารับซื้อไฟฟ้าไม่รวมภาษี 40 เยนต่อหน่วย ระยะเวลา 15 ปี ภายหลังสิ้นสุดสัญญารับซื้อไฟฟ้าปีที่ 15 บริษัทสามารถขายไฟฟ้าต่อไปได้ แต่อัตรารับซื้อไฟฟ้าจะลดลงจาก 40 เยนต่อหน่วย

ผู้อำนวยการสายบัญชีและการเงิน บมจ. ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (TLUXE) กล่าวเพิ่มว่า หลังจากการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพเพิ่มอีก 2 โครงการในครั้งนี้ และเมื่อรวมกับ 8 โครงการที่จะเริ่ม COD ในเดือนสิงหาคมนี้ บวกกับอีก 3 โครงการที่ได้ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วในช่วงปี 2559 จึงทำให้บริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศญี่ปุ่น ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ ณ เดือนสิงหาคม 2560 รวมจำนวน 13 โครงการ

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ จะดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพเพิ่มในเดือนกันยายน อีกจำนวน 2 โครงการ และในไตรมาส 4/2560 อีกจำนวน 8 โครงการ รวมแล้วบริษัทจะมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ทั้งสิ้น 23 โครงการ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งหมด 2,875 กิโลวัตต์ หรือกำลังการผลิตเทียบเท่ากับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 23 เมกะวัตต์ในปี 2560

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม จะเป็นการลงทุนที่เมืองอาโอโมริ (Aomori) ประเทศญี่ปุ่น 1 ยูนิต มูลค่ารวม 36 ล้านเยน หรือ 10.99 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มขายไฟฟ้าได้ในเดือนสิงหาคม 2560 โดยจำหน่ายให้กับบริษัท โทโฮคุ จำกัด (Tohoku) อัตรารับซื้อไฟฟ้าไม่รวมภาษีที่ 55 เยนต่อหน่วย สัญญารับซื้อไฟฟ้า 20 ปี ภายหลังสิ้นสุดสัญญารับซื้อไฟฟ้าปีที่ 20 บริษัทสามารถขายไฟฟ้าต่อไปได้ แต่อัตรารับซื้อไฟฟ้าจะลดลงจาก 55 เยนต่อหน่วย

สำหรับแหล่งเงินลงทุนจะมาจากเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน หรือกระแสเงินสดของบริษัท ส่วนผลกระทบต่ออัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E-Ratio) จากไตรมาสแรกของปี 60 คือ 0.96 คาดว่าจะสูงขึ้นอีก 0.09 จากการกู้ยืมเงินเพื่อลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น