บริษัท ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TLUXE แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 60 มีมติอนุมัติเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Energy) รวมทั้งสิ้น 8 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 1,000 กิโลวัตต์ ตั้งอยู่ในเมืองเบบปุ จังหวัดโออิตะ ประเทศญี่ปุ่น โดยมีมูลค่ารวมของทั้ง 8 โครงการ ประมาณ 755.72 ล้านบาท หรือประมาณ 2,450 ล้านเยน โดยคาดว่าจะมีการทำสัญญาซื้อขายหุ้นประมาณเดือน ก.ค. 60
การลงทุนดังกล่าวจะเป็นการซื้อกิจการทั้งหมด 4 บริษัท ได้แก่ 1. Fino Binary Power Plant Limited Liability Company 2. NIS Binary Power Plant Limited Liability Company 3. Beppu Tsurumi Onsen Geothermal Power Station No.1 Liaison Company และ 4. Dual Energy Binary-Power Plant No.1 Limited Liability Company (กลุ่มบริษัททั้ง 4) ซึ่งการเข้าลงทุนครั้งนี้เพื่อรักษาโอกาสทางธุรกิจ และเพื่อให้บริษัทได้รับประโยชน์จากราคาขายไฟในอัตราสูงสุดตามกฎเกณฑ์ของกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม (Ministry of Economy, Trade and Industry : METI)
ทั้งนี้ หลังจากบริษัทได้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ จำนวน 13 โครงการ ด้วยการซื้อกิจการบริษัท พีพีเอสเอ็น จำกัด (PPSN Co., Ltd.) และบริษัท ซูโม่ พาวเวอร์ จำกัด (SUMO POWER Co.,Ltd.) ไปแล้ว ต่อมาบริษัทได้รับการติดต่อจากบริษัท อาซูการ์ แอสเซส เมเนจเม้น จำกัด (Azucar Asset Management Inc.) ในฐานะตัวแทนผู้ถือหุ้นของกลุ่มบริษัททั้ง 4 เพื่อขายกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ จำนวน 8 โครงการดังกล่าวให้กับบริษัท ซึ่งไม่มีความเกี่ยวเนื่องกับ 13 โครงการแรกที่ได้ลงทุนไปแล้ว
สำหรับโรงไฟฟ้าทั้ง 8 โครงการที่จะเข้าลงทุนครั้งนี้ มีโครงการที่จ่ายไฟฟ้าแล้ว 2 โครงการเมื่อปี 58 และปี 59 ตามลำดับ ส่วนโครงการที่เหลือ ได้แก่ โครงการที่ 3, 4, 5, 6, 7 และ 8 คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในเดือน ก.ค. 60
บริษัทคาดว่า จะได้รับผลตอบแทนจากการเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าทั้ง 8 โครงการ เนื่องจากเป็นการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่บริษัท คิวชู อิเล็กทริก พาวเวอร์ จำกัด และได้รับอัตราผลตอบแทน (IRR) ที่ 8.11% ต่อปี อีกทั้งยังสามารถขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างมั่นคง และเพิ่มความมั่นคงของรายได้ และเป็นการลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากการประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำเพียงอย่างเดียว
โดยแหล่งที่มาของเงินลงทุนจะมาจากการเสนอขายหุ้นกู้ หรือเงินยืมจากสถาบันการเงิน หรือกระแสเงินสดของบริษัท ส่วนผลกระทบต่ออัตราส่วน D/E จากไตรมาสแรกของปี 60 คือ 0.96 เท่า คาดว่าจะสูงขึ้นเป็น 1.36 เท่า
การลงทุนดังกล่าวจะเป็นการซื้อกิจการทั้งหมด 4 บริษัท ได้แก่ 1. Fino Binary Power Plant Limited Liability Company 2. NIS Binary Power Plant Limited Liability Company 3. Beppu Tsurumi Onsen Geothermal Power Station No.1 Liaison Company และ 4. Dual Energy Binary-Power Plant No.1 Limited Liability Company (กลุ่มบริษัททั้ง 4) ซึ่งการเข้าลงทุนครั้งนี้เพื่อรักษาโอกาสทางธุรกิจ และเพื่อให้บริษัทได้รับประโยชน์จากราคาขายไฟในอัตราสูงสุดตามกฎเกณฑ์ของกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม (Ministry of Economy, Trade and Industry : METI)
ทั้งนี้ หลังจากบริษัทได้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ จำนวน 13 โครงการ ด้วยการซื้อกิจการบริษัท พีพีเอสเอ็น จำกัด (PPSN Co., Ltd.) และบริษัท ซูโม่ พาวเวอร์ จำกัด (SUMO POWER Co.,Ltd.) ไปแล้ว ต่อมาบริษัทได้รับการติดต่อจากบริษัท อาซูการ์ แอสเซส เมเนจเม้น จำกัด (Azucar Asset Management Inc.) ในฐานะตัวแทนผู้ถือหุ้นของกลุ่มบริษัททั้ง 4 เพื่อขายกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ จำนวน 8 โครงการดังกล่าวให้กับบริษัท ซึ่งไม่มีความเกี่ยวเนื่องกับ 13 โครงการแรกที่ได้ลงทุนไปแล้ว
สำหรับโรงไฟฟ้าทั้ง 8 โครงการที่จะเข้าลงทุนครั้งนี้ มีโครงการที่จ่ายไฟฟ้าแล้ว 2 โครงการเมื่อปี 58 และปี 59 ตามลำดับ ส่วนโครงการที่เหลือ ได้แก่ โครงการที่ 3, 4, 5, 6, 7 และ 8 คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในเดือน ก.ค. 60
บริษัทคาดว่า จะได้รับผลตอบแทนจากการเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าทั้ง 8 โครงการ เนื่องจากเป็นการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่บริษัท คิวชู อิเล็กทริก พาวเวอร์ จำกัด และได้รับอัตราผลตอบแทน (IRR) ที่ 8.11% ต่อปี อีกทั้งยังสามารถขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างมั่นคง และเพิ่มความมั่นคงของรายได้ และเป็นการลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากการประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำเพียงอย่างเดียว
โดยแหล่งที่มาของเงินลงทุนจะมาจากการเสนอขายหุ้นกู้ หรือเงินยืมจากสถาบันการเงิน หรือกระแสเงินสดของบริษัท ส่วนผลกระทบต่ออัตราส่วน D/E จากไตรมาสแรกของปี 60 คือ 0.96 เท่า คาดว่าจะสูงขึ้นเป็น 1.36 เท่า