xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ถือหุ้นฯ อนุมัติโหวต บีซีพีจี เข้าลงทุนโครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพในอินโดฯ รับรู้กำไรทันที

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG
ผู้ถือหุ้นออกเสียงอนุมัติ บีซีพีจี เข้าลงทุนซื้อหุ้นในบริษัท สตาร์ เอ็นเนอร์ยี่ กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด สัดส่วน 33.33% ของโครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพในอินโดฯ ทุ่มเงินลงทุนรวมกว่า 357.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 12,341 ล้านบาท หลังจากทำการซื้อขายหุ้นเรียบร้อยแล้วจะสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้ทันที

เมื่อวันนี้ 13 มิถุนายน 2560 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมใบไม้ อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ได้จัดให้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2560 โดยที่ประชุมฯ ได้มีมติอนุมัติให้บีซีพีจีเข้าซื้อหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศอินโดนีเซีย โดยผู้ถือหุ้นได้ให้ความสนใจเข้าร่วมประชุม และสอบถามเกี่ยวกับโครงการเป็นจำนวนมาก

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2560 ซึ่งมี นายพิชัย ชุณหวชิร ประธานกรรมการบริษัทฯ เป็นประธานในการประชุม ร่วมด้วยคณะกรรมการฝ่ายบริหาร และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เข้าร่วมประชุม ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้นสัดส่วน 33.33% ในบริษัทสตาร์ เอ็นเนอร์ยี่ กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (Star Energy Group Holdings Pte.Ltd.) เพื่อร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศอินโดนีเซีย ใช้เงินลงทุนรวมไม่เกิน 357.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 12,341 ล้านบาท โดยหลังจากทำการซื้อขายหุ้นเรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้ทันที

อย่างไรก็ตาม การลงทุนครั้งนี้มีผลทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าของบีซีพีจี เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเกือบ 2 เท่า จากการเข้าซื้อหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย มีกำลังการผลิตรวม 995 เมกะวัตต์ คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นของบีซีพีจี 182 เมกะวัตต์ โดยโครงการทั้งหมดจำหน่ายไฟฟ้า และไอน้ำที่ผลิตได้ให้แก่การไฟฟ้าอินโดนีเซีย (PLN) ภายใต้สัญญาระยะยาว

ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีศักยภาพเหมาะสมกับการลงทุน โดยล่าสุด ได้รับการยกระดับ Credit Rating ในด้านการลงทุนจากสถาบันจัดระดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) เพิ่มเป็น BBB- นอกจากนี้ประเทศอินโดนีเซีย ยังมีศักยภาพในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก และจากการที่โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพมีความเสถียร และทำงานได้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง การไฟฟ้าอินโดนีเซีย จึงนำไปใช้เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการกระแสไฟฟ้าฐาน (Base Load) ของประเทศอีกด้วย

“ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น ที่ประชุมผู้ถือหุ้นจึงมีมติอนุมัติให้บีซีพีจี เข้าซื้อหุ้นในโครงการดังกล่าว โดยบีซีพีจี จะมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ ด้วยการส่งตัวแทนไปทำหน้าที่กรรมการในบริษัทต่างๆ รวมถึงการตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ ซึ่งจะต้องได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบจากบีซีพีจีก่อน เช่น การเข้าดำเนินโครงการใหม่ๆ การแก้ไขข้อบังคับบริษัท การเปลี่ยนลักษณะการดำเนินธุรกิจ นอกจากนั้น บีซีพีจี จะมีโอกาสส่งพนักงานไปร่วมทำงานเพื่อเพิ่มความรู้ และประสบการณ์ของบริษัทฯ ในธุรกิจพลังงานความร้อนใต้พิภพ เป็นการพัฒนาศักยภาพให้บีซีพีจี สามารถเป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพด้วยตนเองในอนาคต ผมขอขอบพระคุณท่านผู้ถือหุ้นที่ได้ให้ความไว้วางใจอนุมัติให้บริษัทฯ ลงทุนในครั้งนี้ หลังจากได้ให้ความสนใจรับฟังข้อมูล และซักถามคำถามในแง่มุมต่างๆ อย่างละเอียดเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจไปยังพลังงานหมุนเวียนหลากหลายรูปแบบในภูมิภาคต่างๆ ของโลก”
กำลังโหลดความคิดเห็น