บริษัท ฮอท พอท จำกัด (มหาชน) หรือ HOTPOT แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 60 อนุมัติการลดทุนจดทะเบียน โดยตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่จำหน่ายออก
หลังจากนั้น ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 131.95 ล้านบาท จากเดิมที่ 101.50 ล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่ 121.80 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.25 บาท แบ่งจัดสรรไม่เกิน 81.20 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) ในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 2 บาท กำหนดจองซื้อ และชำระเงินค่าหุ้นในวันที่ 9-12 ต.ค. และ 16 ต.ค. 60 ส่วนหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือไม่เกิน 40.60 ล้านหุ้น จะเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP)
ทั้งนี้ บริษัทคาดหวังจะระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับ RO จำนวน 162.40 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้ลงทุนปรับปรุงสาขาเดิมของบริษัทที่มีอยู่ 50 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เป็นจำนวน 50 ล้านบาท ในช่วงปี 60-61 รวมถึงสำรองไว้สำหรับการขยายสาขา และเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการในวงเงิน 112.40 ล้านบาท ภายในปี 60-61
ขณะที่เงินที่จะได้รับจากการเพิ่มทุนขาย PP นั้น หากเสนอขายในราคาไม่ต่ำกว่าที่เสนอขายแก่ RO คาดว่าจะได้เงินประมาณ 81.20 ล้านบาท จะใช้รองรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติมในการขยายธุรกิจในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงปี 60-61
นอกจากนี้ บริษัทจะขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท โดยอาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท (Whitewash) ให้แก่ นายอภิชัย เตชะอุบล ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น 24.50% เนื่องจากการที่จะให้ได้รับเงินเพิ่มทุนตามจำนวนที่ต้องการ นายอภิชัย ได้แสดงความจำนงจะจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วน และจองซื้อหุ้นเกินกว่าสิทธิ หากมีการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมไม่หมด
ซึ่งหากนายอภิชัย ได้มาซึ่งหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมดที่จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 81.20 ล้านหุ้น และเมื่อรวมกับหุ้นเดิมที่นายอภิชัย ถืออยู่ 99.47 ล้านหุ้น จะทำให้นายอภิชัย ถือหุ้นในบริษัทเท่ากับ 180.67 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 37.08%
สำหรับประโยชน์ที่คาดว่า จะได้จากการเพิ่มทุน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับบริษัท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ ตลอดจนการขยาย และปรับปรุงสาขา เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้มีความสามารถในการทำกำไร และมีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในอนาคต รวมถึงเพิ่มความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินให้แก่บริษัท เพิ่มส่วนของผู้ถือหุ้นของกิจการให้สูงขึ้น ลดอัตราเสี่ยงในการถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หากส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์
หลังจากนั้น ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 131.95 ล้านบาท จากเดิมที่ 101.50 ล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่ 121.80 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.25 บาท แบ่งจัดสรรไม่เกิน 81.20 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) ในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 2 บาท กำหนดจองซื้อ และชำระเงินค่าหุ้นในวันที่ 9-12 ต.ค. และ 16 ต.ค. 60 ส่วนหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือไม่เกิน 40.60 ล้านหุ้น จะเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP)
ทั้งนี้ บริษัทคาดหวังจะระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับ RO จำนวน 162.40 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้ลงทุนปรับปรุงสาขาเดิมของบริษัทที่มีอยู่ 50 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เป็นจำนวน 50 ล้านบาท ในช่วงปี 60-61 รวมถึงสำรองไว้สำหรับการขยายสาขา และเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการในวงเงิน 112.40 ล้านบาท ภายในปี 60-61
ขณะที่เงินที่จะได้รับจากการเพิ่มทุนขาย PP นั้น หากเสนอขายในราคาไม่ต่ำกว่าที่เสนอขายแก่ RO คาดว่าจะได้เงินประมาณ 81.20 ล้านบาท จะใช้รองรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติมในการขยายธุรกิจในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงปี 60-61
นอกจากนี้ บริษัทจะขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท โดยอาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท (Whitewash) ให้แก่ นายอภิชัย เตชะอุบล ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น 24.50% เนื่องจากการที่จะให้ได้รับเงินเพิ่มทุนตามจำนวนที่ต้องการ นายอภิชัย ได้แสดงความจำนงจะจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วน และจองซื้อหุ้นเกินกว่าสิทธิ หากมีการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมไม่หมด
ซึ่งหากนายอภิชัย ได้มาซึ่งหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมดที่จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 81.20 ล้านหุ้น และเมื่อรวมกับหุ้นเดิมที่นายอภิชัย ถืออยู่ 99.47 ล้านหุ้น จะทำให้นายอภิชัย ถือหุ้นในบริษัทเท่ากับ 180.67 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 37.08%
สำหรับประโยชน์ที่คาดว่า จะได้จากการเพิ่มทุน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับบริษัท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ ตลอดจนการขยาย และปรับปรุงสาขา เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้มีความสามารถในการทำกำไร และมีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในอนาคต รวมถึงเพิ่มความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินให้แก่บริษัท เพิ่มส่วนของผู้ถือหุ้นของกิจการให้สูงขึ้น ลดอัตราเสี่ยงในการถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หากส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์