ฮอท พอท เพิ่มทุนใหม่ 121,800,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท จัดสรรผู้ถือหุ้นเดิม 81,200,000 หุ้น อัตราส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 2.00 บาท และอีก 40,600,000 หุ้น ขายให้บุคคลในวงจำกัด ระดมทุนเพื่อขยายฐานเงินทุนของบริษัท และช่วยเสริมสภาพคล่อง
นายโชติวิทย์ เตชะอุบล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮอท พอท จํากัด (มหาชน) หรือ HOTPOT แจ้งว่า บริษัทจะเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท 30,450,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 101,500,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 131,950,000 บาท โดยออกเป็นหุ้นสามัญ 121,800,000 หุ้น มูลค่าที่้ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ขณะที่ให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน 121,800,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท หรือ30.00% ของทุนชําระแล้วของบริษัท ณ ปัจจุบัน
โดยจัดสรร 81,200,000 หุ้นเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม อัตราส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 2.00 บาท และกําหนดวันจองซื้อ และรับชําระเงินค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนในระหว่างวันที่ 9-12 ตุลาคม 2560 และวันที่ 16 ตุลาคม 2560 ส่วนอีก40,600,000 หุ้น เสนอขายเป็นคร่าว ๆ ให้แก่บุคคลในวงจํากัด (Private Placement) ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณารายชื่อ และคุณสมบัติของนักลงทุนที่้จะสามารถเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทในการขยายการลงทุนในธุรกิจของบริษัทได้และจะเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น 27 กรกฎาคม 2560
นอกจากนี้ ยังอนุมัติการขอผ่อนผันการทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท โดยอาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท (Whitewash) ให้แก่ นายอภิชัย เตชะอุบล ซึ่ง นายอภิชัย ปัจจุบันถือหุ้น 99,471,500 หุ้น หรือ 24.50 % ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท จะได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ด้วย อันจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของนายอภิชัย เพิ่มเป็น 180,671,500 หุ้น หรือ 37.08 % ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 เท่ากับ 75.51 ล้านบาท ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ดังนั้น เพื่อป้องกันมิให้บริษัทอาจถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทจึงประสงค์จะระดมทุนเพื่อขยายฐานเงินทุนของบริษัท และช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทให้มีความแข็งแกร่ง และมั่นคงยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มทุน 81,200,000 หุ้น เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ตามข้างต้น จะทําให้บริษัทได้รับเงินประมาณ 162.40 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ เงินที่ได้จะนําไปลงทุนปรับปรุงสาขาเดิมของบริษัทที่มีอยู่ 50 สาขา ทั้งในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และต่างจังหวัด รวมถึงสํารองไว้สําหรับการขยายสาขา และเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ