ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ คาดปริมาณการขายไฟฟ้าในไตรมาส 2/60 ทำนิวไฮต่อเนื่อง หลังโรงไฟฟ้าทั้ง 4 โรง ผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรับอานิสงส์จากภาครัฐที่ปรับขึ้นค่าเอฟทีรอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคมนี้ ช่วยหนุนผลการดำเนินงาน ส่วนความคืบหน้าการพิจารณา EIA โรงไฟฟ้าใหม่อีก 2 โรง คาดเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของภาครัฐในเร็ว ๆ นี้
นายวรวิทย์ เลิศบุษศราคาม รองผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายโรงงาน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยว่า บริษัทฯ สามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายในช่วงไตรมาส 2/60 เพิ่มขึ้นเป็นสถิติสูงสุดใหม่จากโรงไฟฟ้าทั้ง 4 โรง ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 150 MW ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ จำนวน 2 โรง ที่จำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
โดยได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) 3.50 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้งอีกจำนวน 2 โรงที่จำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ บมจ.ทีพีไอ โพลีน ซึ่งเป็นบริษัทแม่เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีปัจจัยมาจากการนำองค์ความรู้มาใช้ในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี และการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร ส่งผลให้สามารถ Utilization ของโรงไฟฟ้าได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ รวมถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการปรับค่า FT จากการขายไฟให้กับบริษัทแม่ 12.52 สตางค์ต่อหน่วย และการขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. 12.4 สตางค์ต่อหน่วย ที่มีผลตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
“ในไตรมาส 2/60 TPIPP ผลการผลิตไฟฟ้าได้สูงขึ้นกว่า 209 ล้านหน่วย ซึ่งเป็น New high อีกครั้งจากไตรมาสแรกที่จำหน่ายไฟฟ้าได้ 197 ล้านหน่วย โดยเกิดจากการปรับปรุงเครื่องจักรตามแผนงาน ซึ่งจะส่งผลดีต่อปริมาณการผลิตไฟฟ้า และการจำหน่ายไฟฟ้า ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนต่อ ๆ ไป” นายวรวิทย์ กล่าว
รองผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายโรงงาน TPIPP กล่าวว่า ความคืบหน้าการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินและพลังงานเชื้อเพลิงขยะ 70 MW (TG7) ได้ผ่านการอนุมัติรายงาน EIA จากหน่วยงานภาครัฐเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้า คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/60
ส่วนโรงไฟฟ้าอีก 2 โรง ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ 70 MW (TG6) ที่มีแผนนำไปรวมกับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้ง 30 MW (TG4) รวม 100 MW เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. และโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน 150 MW (TG8) ที่จะจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ บมจ. ทีพีไอ โพลีน นั้น บริษัทฯ ได้เพิ่มเติมข้อมูลในรายงาน EIA ตามที่ได้รับแจ้งจากการพิจารณาในครั้งแรก โดยคาดว่าจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาอนุมัติจากหน่วยงานภาครัฐได้ในเร็ว ๆ นี้ โดยหากได้รับการอนุมัติก็จะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (COD) ได้เร็วกว่ากำหนดเดิมในไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมเพิ่มขึ้นเป็น 440 MW จากปัจจุบันอยู่ที่ 150 MW
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงจากขยะ 60 MW ของบริษัทฯ ได้รับรางวัลดีเด่นจากการประกวด Thailand Energy Awards 2017 และเป็นตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมการประกวด Asian Energy Awards 2017 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ สำหรับการขยายโครงการในอนาคต บริษัทฯ อยู่ระหว่างกำลังศึกษาข้อมูล และเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมเสนอขายไฟฟ้าแบบ hybrid renewable ที่มีการประกาศรับซื้อ 300 MW โครงการโรงไฟฟ้าขยะของกรุงเทพฯ ที่อ่อนนุช-หนองแขม รวม 40 MW และโครงการโรงไฟฟ้าขยะ SPP ที่จะรับซื้อเพิ่ม ซึ่งคาดว่า ภาครัฐจะเริ่มประกาศรับซื้อประมาณปลายปีนี้