“ทองคำ” ยังอยู่ในทิศทางขาลง หลังหลายธนาคารกลางส่งสัญญาณถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เตือนเฉลี่ยสะสมได้ แต่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง รีบแนะนำขายเมื่อราคารีบาวนด์ แต่หากยังปรับตัวลงต่ำ ควรตั้งจุดขาดทุนรองรับ
“นายวรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำว่า การเคลื่อนไหวของราคายังอ่อนตัวลง และสร้างระดับต่ำสุดครั้งใหม่อย่างต่อเนื่อง เหตุผลสำคัญมาจากธนาคารกลางขนาดใหญ่ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ต่างส่งสัญญาณถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลง ส่งผลให้ผลตอบแทนในตลาดทุน และผลตอบแทนในพันธบัตรระยะยาวมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
“ตอนนี้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ยถูกลดความน่าสนใจลง อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำมีการขยับตัวขึ้นมาบ้าง จากรายงานการประชุม FOMC ที่กังวลต่ออัตราเงินเฟ้อในประเทศหลังมีการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้ราคาสามารถตั้งฐานขึ้นมาได้”
โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ ทิศทางตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ และท่าทีของประธานเฟดสาขาต่างๆ ที่จะออกมาแสดงท่าทีต่อการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกไป เช่น ยอดค้าส่งเดือนพฤษภาคมที่จะแสดงทิศทางการค้าขายและการทำธุรกิจฝั่งสหรัฐฯ ชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ ประธานเฟดจะมีการรายงานนโยบายการเงินต่อสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสามารถติดตามเพื่อใช้หาสัญญาณเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ได้
นอกจากนี้ ยังมีตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งจะเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อในภาคการผลิต รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิถุนายน ซึ่งจะเป็นมาตรการวัดเงินเฟ้อเกี่ยวกับการบริโภค ซึ่งสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ประเมินความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้
ทำให้กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ ด้วยทิศทางราคาทองคำในระยะสั้นยังคงมีทิศทางขาลง ราคายังสร้างระดับต่ำสุดครั้งใหม่อย่างชัดเจน นักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อสะสมอาจต้องดูการตั้งฐานของราคาก่อนเข้าซื้อเฉลี่ย หากราคายังตั้งฐานไม่ได้อาจต้องชะลอการซื้อสะสมออกไป โดยใช้กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น ซื้อตามแนวรับสำคัญ และเมื่อราคามีการรีบาวนด์อาจต้องทยอยแบ่งทองคำออกขายตามแนวต้านเพื่อลดความเสี่ยง
“เราประเมินโซนแนวรับบริเวณ 1,213 เหรียญ/ออนซ์ หากราคาตั้งฐานได้มีโอกาสดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,241-1,266 เหรียญ/ออนซ์ แต่ถ้าผ่านไม่ได้อย่าลืมแบ่งขายเพื่อลดความเสี่ยง และรอการอ่อนตัวลงมา พร้อมตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาปรับตัวลงมาต่ำกว่าแนวรับ”