ราคาทองคำถูกกดดันเพิ่มเติมจากการปรับลดงบดุลของสหรัฐฯ ที่ผลักดันให้ดัชนีดอลลาร์ และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเพิ่มขึ้น จับตาการเจรจาของพรรคร่วมรัฐบาลอังกฤษ ต่อทิศทางกรณี Brexit ประเมินแนวรับสำคัญ 1,236 เหรีญ/ออนซ์ อาจเห็นการตั้งฐาน แต่หากแรงซื้อยังไม่มากนัก แนะนำทำกำไร ลดความเสี่ยง
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำ ว่า ราคาทองคำยังคงสร้างระดับต่ำสุด เหตุผลมาจากผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แม้ว่าผลการประชุมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% จะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า แต่การที่ นางเจเน็ต เยลเลน ประกาศปรับลดงบดุล ถือเป็นเรื่องที่เหนือการคาดการณ์
ขณะเดียวกัน การส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเติบโตแข็งแกร่งของประธานเฟด ยิ่งช่วยผลักดันให้การเติบโตของดัชนีดอลลาร์สหรัฐ และผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเติบโตยิ่งขึ้น และกลับมาเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำทำให้ปัจจัยที่ยังต้องติดตาม คือ แถลงการณ์ของคณะกรรมการ FOMC ที่จะออกมาว่าจะมีความเห็นในทิศทางเดียวกับเฟดต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดงบดุลหรือไม่ อีกทั้งการเปิดเผยตัวเลขบัญชีดุลเดินสะพัดประจำไตรมาส 1 ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานประจำสัปดาห์
นอกจากนี้ อีกประเด็นที่ต้องจับตา คือ การแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit) ซึ่งจะมีการเริ่มขึ้น รวมถึงการเจรจาของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ กับพรรคร่วมรัฐบาล ว่า จะสามารถเจรจาในการร่วมกันเจรจา Brexit เป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในระยะสั้น ราคาทองคำมีการปรับฐานลงมาอย่างชัดเจน ขณะที่แรงซื้อในตลาดทองคำถือว่าค่อนข้างเบาบาง นักลงทุนต้องจับตาดูการแกว่งของราคาในทิศทางค่อยๆ ปรับตัวลดลง และจับตาดูการดีดตัว หรือรีบาวนด์ของราคาทองคำในบริเวณโซนแนวต้าน 1,274 เหรียญ/ออนซ์ โดยหากยังไม่ผ่าน นักลงทุนอาจต้องนำทองคำออกขายเพื่อลดความเสี่ยง แล้วรอการอ่อนตัวเพื่อตั้งราคาเข้าซื้ออีกครั้ง
“เราประเมินในส่วนของแนวรับ1,245-1,236 เหรียญ/ออนซ์ โดยบริเวณ 1,236 เหรียญ/ออนซ์ ถือเป็นแนวรับสำคัญหากราคาไม่หลุด มีโอกาสได้เห็นการตั้งฐานบนแนวรับดังกล่าวได้ แต่ควรจับตาแรงซื้อที่จะเข้ามาประกอบการพิจารณาด้วย ถ้ายังไม่มากนักก็ควรแบ่งขายเพื่อลดความเสี่ยง หรือทำกำไร”