การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเริ่มเปลี่ยนไป ผลักดันราคาทองคำปรับตัวขึ้น แต่เงินบาทที่แข็งค่ายังกดดันราคาทองคำในประเทศขยับขึ้นได้น้อย ประเมินระยะสั้นจากการแกว่งตัวยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ ไม่แนะนำให้ไล่ราคา
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูเลียน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำว่า ราคามีการแกว่งตัวอยู่ในกรอบ แต่สามารถทรงตัวอยู่ในระดับสูง เพราะผลการประชุมของคณะกรรมการFOMC ยังคงบ่งชี้ว่าท่าทีของของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงมีความระมัดระวังมากขึ้นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ร ะหว่างสัปดาห์เจ้าหน้าที่เฟดมีการออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้ เพราะหลายท่านมองว่า ทิศทางอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะได้รับแรงกดดันลดลง หากทิศทางอัตราดอกเบี้ยยังเป็นไปในลักษณะเดิม
“กระแสดังกล่าวทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น”
ขณะเดียวกัน ราคาทองคำยังได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มเติมจากสถานการณ์ความตึงเครียดในฝั่งอังกฤษ หลังจากผลโพลชี้ว่า นางเทเรซ่า เมย์ มีคะแนนนำคู่แข่งขันจากพรรคอื่นเล็กน้อยเท่านั้น
โดยปัจจัยที่ยังต้องจับตา มองไปที่ทิศทางตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ หากเจ้าหน้าที่เฟดยังใช้ข้อมูลเหล่านี้พิจารณาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และลดในส่วนของบดุล นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยรายได้ค่าใช้จ่ายบุคคลประจำเดือนเมษายน การเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย และตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนและจำนวนผู้รับสวัสดิการว่างงาน ซึ่งจะสะท้อนทิศทางภาคแรงงานที่ชัดเจนมากขึ้น
“อย่างไรก็ตาม นักลงทุนอาจจับตาการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเพิ่มเติม เพราะที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาค่อนข้างมาก และเป็นปัจจัยที่กดดันราคาทองคำในประเทศให้ขยับขึ้นได้น้อยกว่าตลาดอื่นๆ”
ทำให้กลยุทธ์ลงทุน แนะเน้นการลงทุนระยะสั้นจากการแกว่งตัว และไม่แนะนำให้ไล่ซื้อ หรือไล่ราคาขึ้นไป เพราะที่ผ่านมา ราคาขยับขึ้นมาค่อนข้างมาก โดยให้จับตาแนวต้านที่ระดับ 1,278 เหรียญ/ออนซ์ และหากราคายังไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ อาจต้องแบ่งทองคำออกขายบางส่วน เพื่อรอการปรับฐาน หรือรอการปรับตัวลงมาของราคา โดยใช้แนวรับที่ 1,245 เหรียญ/ออนซ์ เป็นจุดเข้าซื้อ แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้น้อยอาจถอยลงมาอีกที่แนวรับสำคัญ 1,226 เหรียญ/ออนซ์