คลังรับ กมธ. ผุดข้อเสนอ ลดเพดานภาษีบ้านจาก 50 ล้านบาท เหลือ 20-30 ล้านบาท แถมลดอัตราภาษี ช่วยชาวบ้านจ่ายแค่หลักพันบาท หวังขยายฐาน ดึงคนเข้าระบบอย่างเต็มใจ ธนารักษ์เร่งเอกชนปรับแบบบ้านประชารัฐ ธนารักษ์ พหลฯ 11 หลัง กทม. ติงโครงการกระทบการจราจร
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช. การคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการสามัญ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อยู่ระหว่างพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง วาระ 2 ซึ่งมีการเสนอเรื่องกรณีให้ขยายฐานการจัดเก็บภาษี โดยหลักการในระยะแรกยังไม่ให้เน้นเรื่องการเก็บภาษีที่อยู่อาศัยตามเพดานของราคาที่ดิน รวมสิ่งปลูกสร้างที่มีมูลค่าเกิน 50 ล้านบาท แต่ให้ใช้วิธีการลดเพดานราคาที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างลง เช่น ให้เหลือ 20-30 ล้านบาท แล้วให้ลดอัตราภาษีลง เพื่อดึงให้ฐานภาษีกว้างมากขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยเฉพาะบ้านหลังแรกมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับยกเว้นภาษี ส่วนผู้ที่ครอบครองกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยมากกว่า 1 หลัง หรือมีบ้านหลังที่ 2 จะต้องเสียภาษีตามราคาประเมินของกรมธนารักษ์ โดยไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษี (ไม่เกิน 50 ล้านบาท) เหมือนกรณีบ้านหลังแรก แต่กรณีที่มีชื่อในโฉนดที่ดิน แต่ไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน ไม่ถือว่าเข้าหลักเกณฑ์
“มีการเสนอว่า ระยะแรกควรเก็บภาษีไม่ต้องเต็มเพดาน เช่น บ้านราคา 20-30 ล้านบาท อาจให้เสียภาษีน้อยลงหน่อย เช่น เหลือแค่หลักพันบาท เพื่อดึงในคนเข้าสู่ระบบภาษีได้อย่างเต็มใจว่า การจ่ายภาษีก็ไม่ได้สร้างภาระอะไร ซึ่งเดิมมีการศึกษาว่า บ้านรวมที่ดินราคา 50 บาท จะมีคนต้องเสียภาษีประมาณ 2 หมื่นราย แต่หากลดเพดานลงมาได้ เชื่อว่าน่าจะมีคนที่เข้าสู่ระบบภาษีได้มากอีกกว่าเป็นเท่าตัว ส่วนข้อสรุปทั้งหมดจะเป็นอย่างไร คงต้องรอการหารือที่ตกผลึกอีกที” นายวิสุทธิ์ กล่าว
คาดว่าในชั้นกรรมาธิการจะใช้เวลาพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ภาษีที่ดินฯ อีกประมาณ 45 วัน จึงจะสามารถเสนอเข้าสู่วาระ 3 และเสนอให้สภาเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. นี้ได้ คาดว่ามีผลบังคับใช้ในปี 2562
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวถึงโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ซอยพหลโยธิน 11 ว่า ขณะนี้กระบวนการทุกอย่างยังเดินหน้าตามปกติ และเป็นไปตามกฎหมาย ล่าสุด กรมได้ส่งหนังสือถึงบริษัท ปักกิ่ง เออร์บัน-คอนสตรัคชั่น ยาไถ่ (ไทย) คอนสตรัคชั่น กรุ๊ป จำกัด ชี้แจงกรณีข้อสรุปของกรุงเทพมหานคร (กทม.) เกี่ยวกับการจราจรในพื้นที่ดังกล่าว โดยบริษัทจะต้องมีการปรับแบบและรายละเอียดพื้นที่จอดรถของโครงการใหม่ และเสนอมาให้กรมพิจารณาอีกครั้ง
นายพชรกล่าวว่า หากเอกชนพิจารณาแล้วเห็นว่า โครงการไม่มีความคุ้มค่า ก็สามารถเข้ามาหารือกับกรมเพื่อขอให้ยกเลิกโครงการได้ แต่ในส่วนของกรมไม่สามารถสั่งยกเลิกโครงการได้ เพราะถือว่าผิดข้อกฎหมาย
