ปัญหาบริษัท อินเตอร์ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือหุ้น“ไอเฟค”ร้อนฉ่าขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากผู้ถือหุ้นรายย่อย ยื่นฟ้องสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามความผิดมาตรา 157
การยื่นฟ้องก.ล.ต. กลายเป็นคดีความล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ โดยก่อนหน้ามีคดีที่ฟ้องกันวุ่นวายนับสิบคดี ระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่ ระหว่างกรรมการบริษัท และระหว่างผู้บริหารบริษัทกับบุคคลภายนอก
ก.ล.ต.ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนโดยตรง ต้องถูกหางเลข ตกเป็นจำเลยไปด้วย เพราะไม่สามารถเข้าไปจัดการแก้ปัญหาใน “ไอเฟค”ได้
ปัจจุบันก.ล.ต.ยังไม่มีแนวทางใดเพื่อช่วยดับทุกข์ของผู้ถือหุ้นรายย่อย และกลายเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น ทั้งที่น่าจะกำหนดมาตรการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน ไม่ใช่ปล่อย “ไอเฟค”ตกอยู่ในสภาพรอวันตาย ปล่อยให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยถูกทอดทิ้ง
การฟ้องก.ล.ต. คงเป็นเพราะ ผู้ถือหุ้นรายย่อยเหลืออดกับการทำงานของหน่วยงานแห่งนี้ เพราะแม้จะมีข่าวการทุจริตออกมาเป็นระยะ และแม้จะประเมินแล้วว่า ถ้าไม่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารงานภายใน ความเสียหายอาจจะลุกลามบานปลายมากขึ้น
แต่ ก.ล.ต.กลับไม่มีการตอบรับใดกับเสียงเรียกร้องให้ “จัดการ” กับผู้บริหาร “ไอเฟค”
ผู้ถือหุ้นรายย่อยไอเฟค ยื่นหนังสือร้องเรียนการบริหารงานของฝ่ายบริหารบริษัทที่ส่อพฤติกรรมความไม่โปร่งใส และสร้างความเสียหายให้ผู้ถือหุ้นมาตลอด แต่ข้อร้อนเรียนประเด็นต่างๆ ไม่ได้รับการแก้ไข
และแม้จะยื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่ไม่มีความคืบหน้าใดในการแก้ปัญหา
ปัญหา “ไอเฟค”ตกอยู่ในความเงียบ ผู้ถือหุ้นไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง ไม่รู้ว่า ฝ่ายบริหารบริษัทฯจะหาทางออกอย่างไรในการแก้ปัญหาที่รุมกระหน่ำ
ไม่รู้ว่า ก.ล.ต.ใส่ใจในความเดือดร้อนของผู้ถือหุ้นขนาดไหน และมีมาตรการจะแก้ปัญหาภายในไอเฟคหรือไม่ เพราะปัญหาคาราคาซังมา 6 เดือนแล้ว
ข้อกล่าวหาตามความผิดมาตรา157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นั้น ผู้ถือหุ้นรายย่อยระบุว่า ก.ล.ต.ได้ปล่อยให้นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธานกรรมการบริหารไอเฟคทำผิดกฎหมายในหลายกรรมหลายวาระ โดยฟ้องตั้งแต่ ก.ล.ต. กรรมการก.ล.ต.และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานรวม 12 ราย โดย ศาลนัดไกล่เกลี่ยคดีวันที่ 3 กรกฎาคมนี้
ต้องเห็นใจผู้ถือหุ้นรายย่อยไอเฟคที่ต้องเล่นบทโหด ฟ้องดะ ก.ล.ต. เพราะไม่มีทางออกอื่นแล้ว ระยะเวลาประมาณครึ่งปีที่ผ่านมา ไม่มีคำตอบในการแก้ปัญหาบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดในการแก้ปัญหาการบริหารงานภายใน และไม่มีความช่วยเหลือใดจากก.ล.ต.
จะให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยทนรอต่อไปอีกนานเท่าไหร่ วิกฤตในไอเฟคจึงได้รับการสะสาง
การฟ้องดำเนินคดีกับ ก.ล.ต. ผลสรุปออกมาอย่างไรต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ปัญหา“ไอเฟค”ที่ยืดเยื้อ และยังมองไม่เห็นทางออก สะท้อนให้เห็นว่า ระบบการจัดการแก้ไขปัญหาของบริษัทจดทะเบียน ยังขาดประสิทธิ มีความล่าช้า ไม่ทันสถานการณ์
วิกฤตในไอเฟค กำลังทำลายความเชื่อมั่นของก.ล.ต. ซึ่งไม่สามารถดูแลปกป้องผูถือหุ้นรายย่อยที่ต้องแบกรับผล กระทบจากการบริหารงานที่ผิดพลาดล้มเหลวของฝ่ายบริหารบริษัท และอเาจมีประเด็นพฤติกรรมการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสแทรกซ้อนเข้ามาด้วย
คดี”ไอเฟค” ก.ล.ต.ควรปิดบัญชีนานแล้ว แต่กลับทำอะไรไม่ได้ อย่างนี้จะมีก.ล.ต.ไว้ทำอะไร