สถานภาพของนายแพทย์วิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธานกรรมการบริษัท อินเตอร์ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์นยี คอร์ปอรขั่น จำกัด(มหาชน)หรือหุ้น”ไอเฟค” กำลังถูกเขย่าแรงๆอีกครั้ง หลังจากนักลงทุนรายย่อย เตรียมยื่นหนังสือให้ตรวจสอบการบริหารงานและแก้ปัญหาภายในบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้
ผู้ถือหุ้นรายย่อย “ไอเฟค” มองข้ามผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่หวังพึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)แล้ว โดยเดินไปหาหน่วยงานที่มีอำนาจเหนือกว่า
เตรียมยื่นหนังสือร้องเรียนถึงสำนักงานผู้ตรวจเงินแผ่นดิน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้นายกรัฐมนตรีลงมาช่วยเหลือ โดยก่อนหน้าได้ร้องขอให้สภาวิชาชีพบัญชี ตรวจสอบงบการเงินไอเฟค
ผู้ถือหุ้นระบุว่า ช่วงเวลา 6เดือนที่ผ่านมา “ไอเฟค”เกิดปัญหาอย่างต่อเนื่อง และการบริหารงานของนายแพทย์วิชัยส่อแววว่า จะสร้างความเสียหายให้ผู้ถือหุ้น โดยยังไม่สามารถปิดงบการเงินปี2559ได้ ทำให้หุ้นถูกพักการซื้อขาย รวมทั้งยังมีหนี้ที่ผิดนัดชำระจำนวนมาก
การเคลื่อนไหวร้องเรียนทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ตรวจสอบการบริหารงานของบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ และเร่งแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อเยียวยาผลกระทบผู้ถือหุ้นรายย่อย เป็นเพราะผู้ถือหุ้นประเมินแล้วว่า
ถ้าจะรอให้ตลาดหลักทรัพย์ รอให้ก.ล.ต.เข้ามาแก้ปัญหา “ไอเฟค”อาจพังพินาศไปเสียก่อนเพราะผ่านมาเกือบครึ่งปีแล้ว ทั้งสองหน่วยงานซึ่งมีหน้าที่ที่กำกับดูแลตลาดหุ้นโดยตรง ยังไม่สามารถแก้ปัญหาใดๆได้ ทำให้ความเสรยหายลุกลาม
“ไอเฟค”ตกอยู่ในสภาพหุ้น “อมโรค” เต็มไปด้วยสารพัดปัญหา เพราะความล้มเหลวการบริหารงานภายใน และแม้จะปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริษัทใหม่ แม้จะมีการประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา แต่ยังไม่มีปัญหาใดที่ได้รับการสะสาง
ความขัดแย้งระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่ ความขัดแย้งในคณะกรรมการบริษัท กลายเป็นตัวฉุดรั้งการแก้ปัญหา โดยผู้ที่รับเคราะห์คือ ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่มีจำนวน27,861 ราย
แม้จะรู้ว่า ปัญหาใหญ่ในไอเฟด เกิดจากความขัดแย้งระหว่างกรรมการบริษัท แต่ก.ล.ต.ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซง เพื่อยุติความขัดแย้งภายในได้ ทำให้การแก้ปัญหาหยุดชะงัก
ส่วนเบาะแสการบริหารงานที่ไม่โปร่งใส กระแสข่าวการทุจริตภายใน แต่ไม่เคยได้ยินว่า ก.ล.ต.เข้าไปตรวจสอบความผิดใดใน “ไอเฟค”
ผู้ถือหุ้นรายย่อยไอเฟคคงหมดหวังแล้ว สำหรับความช่วยเหลือจากก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ จึงต้องร้องขอให้หน่อยอื่นเข้ามาบรรเทาความเดือดร้อนแทน
แต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้ เหมือนเป็นการประจานการทำงานของก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ เหมือนการป่าวประกาศให้ประชาชนทั่วไปรับรู้ว่า หน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดหุ้น ไม่อาจปกป้อง คุ้มครอง หรือขจัดปัดเป่าปัญหาของนักลงทุนได้
และถ้าผู้ถือหุ้นรายย่อย “ไอเฟค”ไม่ดิ้นรนขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่น เท่ากับการนั่งรอวันตาย เพราะทั้งก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ “จนตรอก”กับปัญหาไอเฟค และตลอด6 เดือนที่ผ่านมา แทบไม่ได้แก้ไขอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
กระบวนกันแก้ปัญหาใน “ไอเฟค”ยืดเยื้อยาวนานแล้ว จนผู้ถือหุ้นรายย่อยทนไม่ไหว จึงต้องร้องขอความช่วยเหลือจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ปัญหา “ไอเฟค”กำลังยกระดับเป็นปัญหาระดับชาติ และกำลังสะท้อนถึงการกำกับดูแล คุ้มครองปกป้อง ผลประโยชน์ของนักลงทุนในตลาดหุ้นทั้งระบบขยายวง
บทบาทและขีดความสามารถที่จำกัดในการแก้ปัญหา “ไอเฟค”ของก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์กำลังถูกตั้งคำถาม
เพราะเห็นกันชัดๆว่า ผู้ถือหุ้นรายย่อยกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน แต่ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ทำได้เพียงยืนดูความวิบัติของผู้ถือหุ้นรายย่อยเท่านั้นหรือ