ทายาท “อาร์เค กรุ๊ป” ผนึกกลุ่มนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ ลุยทำโครงการอสังหาฯ นำร่องรูปแบบคอนโดฯ โลว์ไรส์ ในย่านรัชโยธิน-พหลฯ 34 อิงแหล่งงานจำนวนมาก ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว มั่นใจสิ้นปีปิดการขาย พร้อมศึกษาทำโครงการใหม่ต่อ เล็งทำโครงการแนวราบระดับลักชัวรี 10 ล้านบาทขึ้นไป หวังเพิ่มฐานระดับบน
นายวรวุฒิ กิตติอุดม ประธานกรรมการบริหาร และผู้อำนวยการสายการเงินบริษัท อาร์เค พลัส เอสเตท จำกัด (ทายาทรุ่นที่ 3 ของกลุ่ม อาร์เค กรุ๊ป) กล่าวว่า ตน และเพื่อนๆ นักธุรกิจที่เป็นคนรุ่นใหม่ ได้ร่วมกลุ่มเพื่อดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยได้ตัดสินใจพัฒนาโครงการแรก ภายใต้ชื่อโครงการ “MAXXI Condo” (แมกซ์ซี่ คอนโด) คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ ในย่านรัชโยธิน-พหลฯ 34 อาคาร 8 ชั้น รวม 249 ยูนิต ราคาห้องเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการกว่า 450 ล้านบาท
“เราเลือกโลเคชันนี้ เพราะอยู่ในทำเลที่มีกำลังซื้อค่อนข้างมาก อยู่ในแหล่งงานมากมาย รวมถึงมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่สามารถเดินทางถึงใจกลางกรุงเทพฯ ได้ เหมาะทั้งการอยู่อาศัย และสามารถปล่อยเช่าได้ เฉลี่ยในบริเวณนี้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 6-7% ราคาค่าเช่า 8,000-12,000 บาทต่อเดือน อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโครงการเรามุ่งที่จะตอบสนองความสุขให้กับลูกค้ามากกว่ามุ่งเน้นเรื่องของกำไร ”
“สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 นี้ แม้จะไม่หวือหวามากนัก ด้วยเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และปัญหาหนี้เสีย รวมถึงปัญหาการปฏิเสธการอนุมัติเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารที่ค่อนข้างสูง แต่บริษัทฯ ได้ทำการศึกษาตลาดมาเป็นอย่างดีเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้มากที่สุด โดยยึดหลักสร้างบ้านให้เหมือนกับเรามาอยู่อาศัยเอง ทำอย่างดีที่สุดจากใจ โดยจากยอดลงทะเบียนผู้สนใจที่ตอนนี้มีประมาณ 1,500 รายชื่อ ซึ่งเหนือความคาดหมายมาก บริษัทฯ จึงตั้งเป้าปิดการขายภายในสิ้นปี 2560 นี้ และมั่นใจว่าจะได้ยอดโอนตามเป้า โดยยึดหลักเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่หวือหวา และไม่ต้องเร็ว และหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จตามเป้า ก็น่าจะเห็นเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่องอาจจะมี MAXXI 2 หรือ MAXXI Premium ให้เห็นเร็วๆ นี้ก็เป็นได้ โดยกำลังพิจารณาที่ดินโซนรัชดาภิเษก และเส้นถนนอารีย์ นอกจากนี้ กำลังศึกษาที่จะพัฒนาโครงการแนวราบระดับลักชัวรี ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป”
ทั้งนี้ ในวันที่ 24-25 มิ.ย. นี้ ทางโครงการ MAXXI Condo จะมีการเปิดขายพรีเซล ราคาห้องตกแต่งพร้อมเฟอร์นิเจอร์เริ่มต้นที่ 1.29 ล้านบาท (เฉพาะช่วงพรีเซล) และคาดว่าจะมียอดขายประมาณ 40-50% และเริ่มก่อสร้างประมาณปี 2561 แล้วเสร็จในปี 2562 มีธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) สนับสนุนสินเชื่อโครงการ
สำหรับภารกิจต่อจากนี้ไปในอีก 3-5 ปี เราคงจะพยายามพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ที่ใหญ่ขึ้น และหลากหลาย อาจรวมไปถึงมีการผสมอสังหาริมทรัพย์แนวราบเข้ามาด้วย เพราะแนวราบจะได้เรื่อง Cash flow เข้ามาค่อนข้างเร็ว แต่ยังคงเน้นไปที่คอนโด รวมไปถึงตลาดต่างชาติที่บริษัทฯ มีคอนเน็กชันอยู่ในระดับหนึ่ง ก็คิดว่าน่าจะได้เห็นอะไรใหม่อย่างแน่นอน
