รมว.คลัง เป็นประธานเปิดสำนักงานผู้แทน EXIM BANK ในเมียนมา ส่งเสริมการค้าการลงทุน 2 ประเทศ โดยมีผู้บริหารธนาคารฯ พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนของไทยและเมียนมา ตลอดจนผู้ส่งออก และนักลงทุนไทย ร่วมงาน ณ โรงแรมเซโดนา ย่างกุ้ง เมียนมา
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เป็นประธานในพิธีเปิดสำนักงานผู้แทนธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ณ นครย่างกุ้ง เมียนมา โดยมีผู้บริหารธนาคารฯ พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนของไทย และเมียนมา ตลอดจนผู้ส่งออก และนักลงทุนไทย ร่วมงาน ณ โรงแรมเซโดนา ย่างกุ้ง เมียนมา
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า เมียนมาเป็นประเทศที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูง และมีนโยบายเปิดเสรีทางการค้า และการลงทุนมากขึ้น การที่ EXIM BANK เลือกที่มาเปิดสำนักงานผู้แทนในนครย่างกุ้ง เมียนมา ซึ่งเป็นสำนักงานผู้แทนในต่างประเทศแห่งแรกของ EXIM BANK สะท้อนถึงความสำคัญที่ไทยให้กับเมียนมาในระยะต่อไป
นอกเหนือจากการอำนวยความสะดวกทางการเงิน ซึ่งเป็นภารกิจหลักของ EXIM BANK อยู่แล้ว ขอให้ EXIM BANK เป็นทูตมิตรภาพทางเศรษฐกิจระหว่างไทย และเมียนมา อีกตำแหน่งหนึ่ง กล่าวคือ เป็นที่ปรึกษาให้ข้อมูลทางเศรษฐกิจ อำนวยความสะดวกประสานงาน และการจับคู่ทางธุรกิจ และเชื่อว่าการเปิดสำนักงานผู้แทนในต่างประเทศในวันนี้ เป็นก้าวที่สำคัญก้าวหนึ่งของความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนของประชาชน และเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ
ด้าน นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า จากแผนแม่บท 10 ปี (2560-2570) ธนาคารฯ มีเป้าหมายเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจชั้นนำระดับโลกที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้า และการลงทุนระหว่างประเทศของไทย โดยสอดคล้องกับแนวคิดไทยแลนด์ 4.0 แผนยุทธศาสตร์ 20 ปีของประเทศ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (2560-2564) ธนาคารฯ จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์หลักประการหนึ่งที่จะส่งเสริมการค้า และการลงทุนด้วยการสร้างความต้องการสินค้า และบริการของไทยในประเทศตลาดหลัก และประเทศตลาดใหม่ (Market Maker) โดยเริ่มต้นจากการศึกษาในเชิงลึกถึงโอกาส ช่องทาง และอุปสรรคทางธุรกิจระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ ธนาคารฯ พบว่า เมียนมาเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจเป็นอันดับแรก โดยพิจารณาจากความต้องการสินค้าและบริการของไทย ประกอบกับนโยบายส่งเสริมการค้าการลงทุนของรัฐบาลเมียนมา ทำให้ผู้ประกอบการไทยจำนวนมากต้องการขยายธุรกิจการค้าการลงทุนเข้ามาในตลาดเมียนมา ณ เดือนเมษายน 2560 ไทยมีมูลค่าเงินลงทุนสะสมเท่ากับ 10.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 15.38 ของมูลค่าการลงทุนจากต่างชาติทั้งหมดในเมียนมา ขณะที่สินค้าส่งออกของไทยไปเมียนมาก็ได้รับความนิยม เช่น เครื่องดื่ม น้ำตาลทราย น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องจักรและอุปกรณ์ และเคมีภัณฑ์ ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าประเภทก๊าซธรรมชาติ เนื้อสัตว์ สัตว์มีชีวิต สินแร่โลหะ และผักผลไม้จากเมียนมา
“วันนี้ EXIM BANK พร้อมแล้วที่จะเปิดสำนักงานผู้แทนแห่งแรกในย่างกุ้ง เมียนมา สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ EXIM BANK เร่งขยายบทบาทในเชิงรุกเพิ่มมากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของภาคการส่งออก และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย” นายพิศิษฐ์ กล่าว
นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า การเปิดสำนักงานผู้แทนในนครย่างกุ้ง เมียนมา จะเป็นก้าวแรกของธนาคารฯ ในการขยายบทบาทการส่งเสริมการค้าการลงทุนใน CLMV บนประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของธนาคาร การสนับสนุนโครงการลงทุนในภูมิภาคมานานกว่า 2 ทศวรรษ นับตั้งแต่เปิดดำเนินการในปี 2537 จนถึงปัจจุบัน ธนาคารฯ ได้อนุมัติวงเงินให้แก่โครงการลงทุนในเมียนมา เป็นมูลค่ารวมกว่า 26,000 ล้านบาท อาทิ การสร้างสนามบินมัณฑะเลย์ การพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติและท่อก๊าซไทย-เมียนมา การให้เงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรและพัฒนาเมียนมา โดยซื้อสินค้าและบริการจากไทย การสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อน และการพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญ อาทิ โรงงานผลิตน้ำตาล ยางในรถจักรยานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
นอกจากนี้ ธนาคารฯ ยังอยู่ระหว่างพิจารณาอนุมัติวงเงินสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการไทยในเมียนมา จำนวนกว่า 18 โครงการ ประมาณการมูลค่าโครงการรวม 700,000 ล้านบาท การดำเนินบทบาทของธนาคารฯ จะมุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือเพื่อเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมั่นคงไปด้วยกันระหว่างทั้งสองประเทศ และเชื่อมโยงต่อไปยังประเทศ และภูมิภาคอื่นๆ
ทั้งนี้ EXIM BANK ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานผู้แทนในนครย่างกุ้ง จากธนาคารกลางเมียนมา (The Central Bank of Myanmar : CBM) เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 60 พร้อมเปิดดำเนินงานสำนักงานผู้แทน EXIM BANK ในเมียนมาแล้ววันนี้ กระตุ้นให้เกิดการค้าการลงทุนในเมียนมา โดยให้คำปรึกษาแนะนำ และบริการทางการเงิน เพื่ออำนวยความสะดวกทางธุรกิจ จับคู่ทางธุรกิจ และสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการไทย ศึกษาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ และจัดทำรายงานด้านการค้าการลงทุน และอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนไทย-เมียนมา และทำงานร่วมกันเป็นทีมไทยแลนด์
ในโอกาสนี้ นายพิศิษฐ์ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับนายนี เพียว ลา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารการค้าต่างประเทศของเมียนมา (MFTB) โดยมี นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เป็นสักขีพยาน เพื่อสนับสนุนทางการเงิน และแลกเปลี่ยนข้อมูล และประสบการณ์การส่งเสริม และสนับสนุนการค้าการลงทุนที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน สนับสนุนการดำเนินกิจกรรมเพื่อขยายช่องทางการค้าการลงทุนระหว่างประเทศให้แก่ผู้ประกอบการไทย และเมียนมา การพัฒนาบุคลากร และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจด้านการให้สินเชื่อการค้า และการลงทุน ตลอดจนการชำระเงินระหว่างประเทศ