ประมาณการราคาทองคำในปี 2017 จากวาณิชธนกิจชั้นนำของโลก
ที่มา : Bloomberg, Kitco, Reuters, Mining, Investpedia และ Bisnews
ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่โดนเด่นอย่างมากในปีนี้ โดยเฉพาะในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2016 ปรับตัวขึ้นถึง 17% ถือปรับตัวขึ้นรายไตรมาสมากที่สุดในรอบกว่า 30 ปีจากการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด การดิ่งลงของราคาน้ำมัน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และพุ่งขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของปีที่ระดับ 1,375 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงไตรมาส 2 หลังผลของการทำประชามติบ่งชี้ว่า ชาวสหราชอาณาจักรส่วนใหญ่ต้องการออกจากสหภาพยุโรป หรือ EU (Brexit) ขณะที่ไตรมาส 3 ราคาทองคำสามารถทรงตัวอยู่เหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ทั้งไตรมาส ซึ่งจากการพุ่งขึ้นของราคาทองคำส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ต่อว่าราคาทองคำจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อและไปแตะระดับ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในที่สุด
จนกระทั่งในวันที่ 4 ต.ค. ราคาทองคำร่วงลงมากกว่า 3% ภายในวันเดียว ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่สุดในรอบเกือบ 15 เดือน ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวลงตํ่ากว่าระดับ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากกระแสการคาดการณ์มากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. แต่ทองคำยังไม่หยุดการร่วงลงแค่นั้น ราคาทองคำร่วงลงต่อเนื่อง และหลุดแนวรับระดับ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังเกิดเชื่อมั่นในตลาดว่านโยบายของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะช่วยหนุนภาวะเศรษฐกิจ และหนุนอัตราเงินเฟ้อให้ปรับตัวสูงขึ้น ปัจจัยดังกล่าวถือเป็นปัจจัยบวกต่อสกุลเงินดอลลาร์และสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตลาดหุ้น นอกจากนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมวันที่ 13-14 ธันวาคม พร้อมทั้งส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปี 2560 แทนที่จะปรับขึ้นเพียง 2 ครั้งตามที่คาดการณ์ไว้ในเดือนกันยายน ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี และเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันให้ราคาทองปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,122 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งการปรับตัวลงของราคาทองคำในช่วงไตรมาส 4 ส่งผลให้ภาพรวมราคาทองคำกลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางแนวโน้มขาลงอีกครั้ง ส่งผลให้วาณิชธนกิจชั้นนำของโลกหลายแห่งต่างออกมาปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำในปี 2017 ลง ดังนี้
•Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำในระยะ 3 และ 6 เดือนลงสู่ระดับ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังคงคาดการณ์ราคาในระยะ 12 เดือน และราคาเฉลี่ยในปี 2018 ไว้ที่ 1,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์
•Citi คาดการณ์ราคาทองคำเฉลี่ยปีหน้าอยู่ที่ระดับ 1,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาเฉลี่ยในไตรมาส 2 ที่ระดับ 1,135 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2017
•BMO Capital Market ปรับลดคาดการณ์ราคาทองปี 2017 ลงเหลือ $1,175 จากเดิมปีที่แล้วที่คาดว่าราคาทองคำจะพุ่งขึ้นไปแตะที่ระดับ $1,413 ได้
•Credit Suisse ปรับลดคาดการณ์ราคาทองในปีนี้สู่ระดับ 1,338 ดอลลาร์/ออนซ์ จาก 1,438 ดอลลาร์/ออนซ์ที่คาดไว้ก่อนหน้านี้
•ABN Amro และ OCBC คาดราคาทองคำร่วงลงสู่ระดับ $1,100 ในช่วงปลายปี 2017
•BMI Research ปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำปี 2017 ลงสู่ระดับ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์
•Hong Kong's Wing Fung Financial Group คาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวลงสู่ระดับ 1,050-1,080 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงต้นปี 2017
•Bank of America Merrill Lynch (BoAML) คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวบริเวณ 1,200 ในช่วงกลางปี 2017
•UBS Wealth Management ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ราคาทองสำหรับช่วง 3 เดือนข้างหน้าลงสู่ 1,100-1,250 ดอลลาร์ และปรับลดตัวเลขคาดการณ์ราคาทองสำหรับช่วง 12 เดือนข้างหน้าลงสู่ 1,300 ดอลลาร์ จากเดิมที่คาดไว้ที่ 1,350 ดอลลาร์
•Macquarie ปรับลดคาดการณ์ราคาทองและโลหะเงินสำหรับปีหน้า โดยคาดว่าราคาเฉลี่ยของทองจะอยู่ที่ระดับ 1,216ดอลลาร์/ออนซ์ในปีหน้า ลดลง 11.9% จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ และคาดว่าราคาทองจะอยู่ที่ 1,375 ดอลลาร์/ออนซ์ในปี 2018
เป็นที่จับตาต่อไปว่า ราคาทองคำในปีหน้าจะร่วงลงต่อหรือฟื้นตัวขึ้นได้ โดยยังมีหลากหลายปัจจัยที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำ ซึ่งสัปดาห์หน้า YLG จะประมวลปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปี 2017 และแนวโน้มราคาทองคำในปี 2017 มาให้นักลงทุนได้รับทราบกันเพื่อใช้เป็นแนวทางในการประกอบกลยุทธ์การลงทุนทองคำในปีหน้า แล้วพบกันใหม่ในปี 2017
ที่มา : Bloomberg, Kitco, Reuters, Mining, Investpedia และ Bisnews
ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่โดนเด่นอย่างมากในปีนี้ โดยเฉพาะในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2016 ปรับตัวขึ้นถึง 17% ถือปรับตัวขึ้นรายไตรมาสมากที่สุดในรอบกว่า 30 ปีจากการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด การดิ่งลงของราคาน้ำมัน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และพุ่งขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของปีที่ระดับ 1,375 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงไตรมาส 2 หลังผลของการทำประชามติบ่งชี้ว่า ชาวสหราชอาณาจักรส่วนใหญ่ต้องการออกจากสหภาพยุโรป หรือ EU (Brexit) ขณะที่ไตรมาส 3 ราคาทองคำสามารถทรงตัวอยู่เหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ทั้งไตรมาส ซึ่งจากการพุ่งขึ้นของราคาทองคำส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ต่อว่าราคาทองคำจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อและไปแตะระดับ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในที่สุด
จนกระทั่งในวันที่ 4 ต.ค. ราคาทองคำร่วงลงมากกว่า 3% ภายในวันเดียว ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่สุดในรอบเกือบ 15 เดือน ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวลงตํ่ากว่าระดับ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากกระแสการคาดการณ์มากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. แต่ทองคำยังไม่หยุดการร่วงลงแค่นั้น ราคาทองคำร่วงลงต่อเนื่อง และหลุดแนวรับระดับ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังเกิดเชื่อมั่นในตลาดว่านโยบายของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะช่วยหนุนภาวะเศรษฐกิจ และหนุนอัตราเงินเฟ้อให้ปรับตัวสูงขึ้น ปัจจัยดังกล่าวถือเป็นปัจจัยบวกต่อสกุลเงินดอลลาร์และสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตลาดหุ้น นอกจากนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมวันที่ 13-14 ธันวาคม พร้อมทั้งส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปี 2560 แทนที่จะปรับขึ้นเพียง 2 ครั้งตามที่คาดการณ์ไว้ในเดือนกันยายน ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี และเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันให้ราคาทองปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,122 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งการปรับตัวลงของราคาทองคำในช่วงไตรมาส 4 ส่งผลให้ภาพรวมราคาทองคำกลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางแนวโน้มขาลงอีกครั้ง ส่งผลให้วาณิชธนกิจชั้นนำของโลกหลายแห่งต่างออกมาปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำในปี 2017 ลง ดังนี้
•Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำในระยะ 3 และ 6 เดือนลงสู่ระดับ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังคงคาดการณ์ราคาในระยะ 12 เดือน และราคาเฉลี่ยในปี 2018 ไว้ที่ 1,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์
•Citi คาดการณ์ราคาทองคำเฉลี่ยปีหน้าอยู่ที่ระดับ 1,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาเฉลี่ยในไตรมาส 2 ที่ระดับ 1,135 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2017
•BMO Capital Market ปรับลดคาดการณ์ราคาทองปี 2017 ลงเหลือ $1,175 จากเดิมปีที่แล้วที่คาดว่าราคาทองคำจะพุ่งขึ้นไปแตะที่ระดับ $1,413 ได้
•Credit Suisse ปรับลดคาดการณ์ราคาทองในปีนี้สู่ระดับ 1,338 ดอลลาร์/ออนซ์ จาก 1,438 ดอลลาร์/ออนซ์ที่คาดไว้ก่อนหน้านี้
•ABN Amro และ OCBC คาดราคาทองคำร่วงลงสู่ระดับ $1,100 ในช่วงปลายปี 2017
•BMI Research ปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำปี 2017 ลงสู่ระดับ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์
•Hong Kong's Wing Fung Financial Group คาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวลงสู่ระดับ 1,050-1,080 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงต้นปี 2017
•Bank of America Merrill Lynch (BoAML) คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวบริเวณ 1,200 ในช่วงกลางปี 2017
•UBS Wealth Management ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ราคาทองสำหรับช่วง 3 เดือนข้างหน้าลงสู่ 1,100-1,250 ดอลลาร์ และปรับลดตัวเลขคาดการณ์ราคาทองสำหรับช่วง 12 เดือนข้างหน้าลงสู่ 1,300 ดอลลาร์ จากเดิมที่คาดไว้ที่ 1,350 ดอลลาร์
•Macquarie ปรับลดคาดการณ์ราคาทองและโลหะเงินสำหรับปีหน้า โดยคาดว่าราคาเฉลี่ยของทองจะอยู่ที่ระดับ 1,216ดอลลาร์/ออนซ์ในปีหน้า ลดลง 11.9% จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ และคาดว่าราคาทองจะอยู่ที่ 1,375 ดอลลาร์/ออนซ์ในปี 2018
เป็นที่จับตาต่อไปว่า ราคาทองคำในปีหน้าจะร่วงลงต่อหรือฟื้นตัวขึ้นได้ โดยยังมีหลากหลายปัจจัยที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำ ซึ่งสัปดาห์หน้า YLG จะประมวลปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปี 2017 และแนวโน้มราคาทองคำในปี 2017 มาให้นักลงทุนได้รับทราบกันเพื่อใช้เป็นแนวทางในการประกอบกลยุทธ์การลงทุนทองคำในปีหน้า แล้วพบกันใหม่ในปี 2017