xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นยังมีความไม่แน่นอน ปัจจัยภายนอกยังส่งผล-แนะรอดูทิศทางให้ชัดเจน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


KTBST มองแนวโน้ม SET วันนี้น่าจะปรับตัวลง เชื่อยังได้รับผลจาก Fed ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อป้องกันดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า คาดต่างชาติอาจมีการขายเพิ่ม ส่งผลให้ตลาดหุ้นยังมีความไม่แน่นอน แนะนำให้ชะลอการลงทุน เพื่อรอดูท่าทีของนักลงทุนรายใหญ่

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (15 ธ.ค.) ให้กรอบดัชนีที่ 1,515-1,523 จุด คาดจะยังปรับตัวลดลงอันเป็นผลพวงจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และอาจมีแรงขายหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศเข้ามา

แนวโน้มดอกเบี้ยของ Fed ที่คาดว่า จะปรับขึ้นในปีหน้า ทำให้มีการปรับพอร์ตเพื่อรับแนวโน้มดอกเบี้ยขึ้น แต่ตัวแปรที่สำคัญที่สุดของช่วงนี้เป็นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ได้ทั้งเรื่องดอกเบี้ยขึ้น และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดี คือ เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.2% MoM และตัวเลขขอรับสวัสดิการการว่างงานลดลง 4,000 ตำแหน่ง

ทั้งนี้ เพิ่มความน่าสนใจให้กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ เราคิดว่าดอลลาร์สหรัฐ กำลังจะกลับมาทวงความเป็น Safe Haven Currency หลังสูญเสียให้กับเงินเยนมาในปีที่แล้ว และดอลลาร์สหรัฐเองได้อานิสงส์จากนโยบายของว่าที่ประธานนาธิบดีสหรัฐฯ ที่เอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การเข้าคุยกับผู้นำธุรกิจ Technology ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (14 ธ.ค.) น่าจะถูกมองในเชิงบวกต่อภาคธุรกิจมากกว่า

การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้นักลงทุนต่างประเทศที่ลงทุนในตลาดหุ้น หรือสินทรัพย์เสี่ยงลดพอร์ตลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้เราอาจเห็นแรงขายหุ้นในบางประเทศ ทั้งนี้ เรามองว่า การขายของนักลงทุนต่างประเทศจะไม่ขายแบบรุนแรงในทุกประเทศ เนื่องจากบางประเทศมีความแข็งแรงด้านเศรษฐกิจ และตัวเลขเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่สูง อย่างเช่น ไทยที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นบวก 3 ปีติดต่อกันแล้ว (งวด 10 เดือนแรก +3.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ +52% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน)

ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เริ่มแยกทางเดินกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐหลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นพร้อมๆกันมาตั้งแต่เดือน พ.ย. (หลังทราบผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ) ทำให้ช่วงสั้นๆ เรามองว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจถูกขายทำกำไรออกมา ขณะที่ราคาน้ำมัน แม้จะได้ผลบวกจากการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มผู้ผลิต แต่ด้วยความที่นักลงทุนยังไม่แน่ใจว่าจะลดได้จริง และผลของดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า ทำให้ราคาน้ำมันทำได้ก็เพียงทรงๆ ตัวใกล้ 50 ดอลลาร์สหรัฐไปก่อน (เราประเมิน 3 เดือน ข้างหน้า ราคาน้ำมันดิบ WTI ไม่น่าจะขึ้นได้เกิน 55 ดอลลาร์สหรัฐ)

ปัจจัยในประเทศวันนี้ ปัจจัยบวกในประเทศไม่มีอะไรใหม่ แต่จะมีความกังวลในเรื่องนักลงทุนต่างประเทศจะขายหุ้นหรือไม่ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนทั่วๆ ไปชะลอการลงทุน หรือลดการถือหุ้นที่นักลงทุนกลุ่มนี้ถืออยู่ลง

สำหรับหุ้นที่บวกหุ้นบวกจากดอลลาร์สหรัฐแข็ง ได้แก่ กลุ่มส่งออก (อิเล็กทรอนิกส์ อาหารแช่แข็ง) ส่วนหุ้นลบจากดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ได้แก่ ผู้นำเข้าสินค้า (ICT) ผู้ส่งออกไปญี่ปุ่น โรงกลั่นน้ำมัน ผู้ที่มีหนี้เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้จากทิศทางตลาดหุ้นยังมีความไม่แน่นอน แนะนำให้ชะลอการลงทุน เพื่อรอดูท่าทีของนักลงทุนรายใหญ่ๆ ว่าจะถือต่อหรือขายหุ้นออก หุ้นที่จะเข้าลงทุนควรเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวไว้ก่อน สำหรับการเข้าเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่คาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิ CPALL, BH, SVI, KBS, LOXLEY, S11
กำลังโหลดความคิดเห็น