บล.เคทีบี (ประเทศไทย) มองหุ้นไทยวันนี้น่าจะปรับตัวลงจากผลของ Fed ขึ้นดอกเบี้ย แนะชะลอการลงทุนรอดูสถานการณ์ หรือเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หุ้นเด่น CPALL, BH, SVI, KBS, LOXLEY, S11
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (16 ธ.ค.) แนวโน้มดอกเบี้ยของ Fed ที่คาดว่า จะปรับขึ้นในปีหน้า ทำให้มีการปรับพอร์ตเพื่อรับแนวโน้มดอกเบี้ยขึ้น แต่ตัวแปรที่สำคัญที่สุดของช่วงนี้เป็นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ได้ทั้งเรื่องดอกเบี้ยขึ้น และตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดี คือ เงินเฟ้อเพิ่ม 0.2% MoM และตัวเลขเคลมว่างงานที่ลดลง 4,000 ตำแหน่ง เพิ่มความน่าสนใจให้กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ เราคิดว่า ดอลลาร์สหรัฐกำลังจะกลับมาทวงความเป็น Safe Haven Currency หลังสูญเสียให้กับเงินเยนมาในปีที่แล้ว และดอลลาร์สหรัฐเองได้อานิสงส์จากนโยบายของว่าที่ประธานนาธิบดีสหรัฐฯ ที่เอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การเข้าคุยกับผู้นำธุรกิจ Technology ของนายทรัมป์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (14 ธ.ค.) น่าจะถูกมองในเชิงบวกต่อภาคธุรกิจมากกว่า
ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศที่ลงทุนในตลาดหุ้น หรือสินทรัพย์เสี่ยงลดพอร์ตลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้เราอาจเห็นแรงขายหุ้นในบางประเทศ ทั้งนี้ เรามองว่า การขายของนักลงทุนต่างประเทศจะไม่ขายแบบรุนแรงในทุกประเทศ เนื่องจากบางประเทศมีความแข็งแรงด้านเศรษฐกิจ และตัวเลขเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่สูง อย่างเช่นของไทย ที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นบวก 3 ปีติดต่อกันแล้ว (งวด 10 เดือนแรก +3.8 หมื่นล้านเหรียญ หรือ +52% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน) โดยราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มแยกทางเดินกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นพร้อมๆ กันมาตั้งแต่เดือน พ.ย. (หลังทราบผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ) ทำให้ช่วงสั้นๆ เรามองว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจถูกขายทำกำไรออกมา ขณะที่ราคาน้ำมัน แม้จะได้ผลบวกจากการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มผู้ผลิต แต่ด้วยความที่นักลงทุนยังไม่แน่ใจว่าจะลดได้จริง และผลของดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า ทำให้ราคาน้ำมันทำได้ก็เพียงทรงๆ ตัวใกล้ 50 ดอลลาร์สหรัฐไปก่อน (เราประเมิน 3 เดือนข้างหน้า ราคาน้ำมันดิบ WTI ไม่น่าจะขึ้นได้เกิน 55 ดอลลาร์สหรัฐ)
ปัจจัยในประเทศวันนี้ ปัจจัยบวกในประเทศไม่มีอะไรใหม่ แต่จะมีความกังวลในเรื่องนักลงทุนต่างประเทศจะขายหุ้นหรือไม่ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนทั่วๆ ไปชะลอการลงทุน หรือลดการถือหุ้นที่นักลงทุนกลุ่มนี้ถืออยู่ลง
สำหรับหุ้นที่บวกหุ้นบวกจากดอลลาร์สหรัฐแข็ง ได้แก่ กลุ่มส่งออก (อีเล็กทรอนิกส์ อาหารแช่แข็ง) ส่วนหุ้นลบจากดอลลาร์สหรัฐแข็ง ได้แก่ ผู้นำเข้าสินค้า (ICT) ผู้ส่งออกไปญี่ปุ่น โรงกลั่นน้ำมัน ผู้ที่มีหนี้เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ ทิศทางตลาดหุ้นในวันนี้ (15 ธ.ค.) คาดจะยังปรับตัวลดลง อันเป็นผลพวงจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed และอาจมีแรงขายหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศเข้ามา
“กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้จากทิศทางตลาดหุ้นยังมีความไม่แน่นอน เราแนะนำให้ชะลอการลงทุน เพื่อรอดูท่าทีของนักลงทุนรายใหญ่ๆ ว่าจะถือต่อ หรือขายหุ้นออก หุ้นที่จะเข้าลงทุนควรเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวไว้ก่อน สำหรับการเข้าเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่เราคาดว่า อาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิ CPALL, BH, SVI, KBS, LOXLEY, S11 มองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,515-1,523 จุด”