xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.กสิกรไทยควักกระเป๋าเตรียมจ่ายปันผล 2 กองทุนต่างประเทศ รวมกว่า 215 ล้านบาท ผู้ลงทุนรอรับเงิน 14 ธันวาฯ นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ และประธานบริหารการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทยมีกำหนดจะจ่ายเงินปันผลกองทุนต่างประเทศจำนวน 2 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100 (K-USXNDQ) ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม-30 พฤศจิกายน 2559 และกองทุนเปิดเค ไชน่า หุ้นทุน (K-CHINA) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน-30 พฤศจิกายน 2559 โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 08.00 น. ของวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 14 ธันวาคม 2559 นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้น 215 ล้านบาท

สำหรับมุมมองเศรษฐกิจ และการลงทุนในสหรัฐฯ นายนาวินกล่าวว่า ในช่วงเดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวแรงทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง สะท้อนภาพตลาดให้การตอบรับเชิงบวกต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแข็งแกร่งตอกย้ำโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ช่วงกลางเดือนนี้ ด้านปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ต้องติดตาม คือ เรื่องค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มแข็งค่ากดดันบริษัทส่งออก และความชัดเจนในเรื่องนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ว่าจะดำเนินไปทิศทางไหน รวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากนอกภูมิภาค อย่างความไม่แน่นอนทางการเมืองในภูมิภาคยุโรป ดังนั้น สำหรับผู้ลงทุนที่มีการจับจังหวะการลงทุนด้วยตนเอง และมีความต้องการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่ออาศัยจังหวะที่ดัชนีย่อตัวลงมา เนื่องจากระดับราคาหุ้นอยู่ในระดับสูงและเต็มมูลค่า โดยราคาหุ้นปัจจุบัน Forward P/E อยู่ที่ 18.4 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาว 10 ปีที่ 15.2 เท่า (ที่มา: Bloomberg 2 ธ.ค. 59)

อย่างไรก็ดี ในระยะกลางถึงยาว บลจ.กสิกรไทยยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และจะเอื้อต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนให้เติบโตต่อเนื่อง ดังนั้นสำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนเพิ่มเติมในตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถเข้าซื้อหน่วยลงทุนของกองทุน K-USXNDQ โดยกองทุน K-USXNDQ มีกลยุทธ์การลงทุนเชิงรับ มุ่งหวังสร้างผลตอบแทนที่เคลื่อนไหวอ้างอิงกับดัชนี Nasdaq-100 และสามารถปรับตัวขึ้นใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของกองทุน K-USXNDQ ที่ผ่านมา 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 3.44% และย้อนหลัง 3 ปีให้ผลตอบแทนที่ 41.39% (ข้อมูล ณ 30 พ.ย. 59) นอกจากนี้ ผู้ลงทุนยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากกองทุนด้วย ซึ่งตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมีการจ่ายเงินปันผลแล้วทั้งสิ้น 13 ครั้ง รวมเป็นเงิน 5.35 บาทต่อหน่วย

นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านสถานการณ์เศรษฐกิจของจีน แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังเผชิญกับภาวะอุปทานล้นตลาด รวมทั้งปัจจัยที่น่าจับตามองในเรื่องนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นจีนในระยะสั้น แต่เชื่อว่าโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะกลางถึงยาวน่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และแผนปฏิรูปตลาดเงินตลาดทุนที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดจีนได้มีโครงการเชื่อมต่อตลาดหุ้นฮ่องกงกับตลาดหุ้นเสิ่นเจิ้น เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ระดับ 51.7 เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมที่ระดับ 51.2 ซึ่งทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนยังคงแข็งแกร่ง และยังเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนในระยะกลางถึงยาว ส่วนมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นจีน บลจ.กสิกรไทยมองว่ายังมีความน่าสนใจเข้าลงทุน เนื่องจากระดับราคาหุ้นยังไม่แพง และยังมีโอกาสเติบโตได้ดีจากมาตรการต่างๆ ของภาครัฐฯ พร้อมแนะนำกองทุน K-CHINA เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่สนใจ และเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจในประเทศจีน โดยกองทุน K-CHINA มีนโยบายลงทุนในหุ้นจีนผ่านกองทุนหลัก Fidelity China Focus ด้วยกลยุทธ์การลงทุนเชิงรุกที่จะเน้นลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการของรัฐบาลจีนที่เน้นกระตุ้นภาคการบริโภคภายในประเทศ และการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของกองทุน K-CHINA ที่ผ่านมา 1 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 8.0% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานที่ 6.02% และย้อนหลัง 3 ปีให้ผลตอบแทนที่ 18.03% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานที่ 12.74% (ข้อมูล ณ 30 พ.ย. 59) และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมีการจ่ายเงินปันผลแล้วทั้งสิ้น 10 ครั้ง รวมเป็นเงิน 3 บาทต่อหน่วย
กำลังโหลดความคิดเห็น