จากผลการสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่มีแผนการเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งน่าจะก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดไปสู่ธุรกิจบริการในแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 คนกรุงเทพฯ จะเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่เดินทางไปพักผ่อนทั้งแบบเช้าไป-เย็นกลับ และกลุ่มที่พักค้างคืน รวมถึงกลุ่มที่แวะเที่ยวระหว่างการเดินทางกลับภูมิลำเนา และเยี่ยมญาติในต่างจังหวัด จำนวนคนกรุงเทพฯ อาจเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 จากช่วงเดียวกันของปี 2558 และก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในพื้นที่ต่างๆ มูลค่าประมาณ 44,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
แรงหนุนส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการภาครัฐที่มุ่งหวังกระตุ้นคนไทยเที่ยวในประเทศช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ โดยเม็ดเงินดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ 19.5 ของรายได้ท่องเที่ยวของตลาดไทยเที่ยวไทยในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้มีมูลค่าประมาณ 2.26 แสนล้านบาท สำหรับเม็ดเงินการใช้จ่ายนั้นมีการขยายตัวใกล้เคียงกับประมาณการในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่คนที่มีแผนจะเดินทางท่องเที่ยวอาจมีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าผลการสำรวจนี้ จากอานิสงส์ของมาตรการภาครัฐ และการจัดโปรโมชันที่สอดรับต่อมาตรการท่ามกลางการแข่งขันกันรุนแรงของธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากในสถานการณ์ปัจจุบันผู้คนมีการปรับแผนการเดินทางท่องเที่ยว และการใช้จ่ายให้สอดคล้องต่อปัจจัยแวดล้อมและข้อจำกัดของแต่ละบุคคล และครัวเรือน
ผลการสำรวจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวของคนกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นตลาดนักท่องเที่ยวสำคัญ และนำไปสู่การปรับกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นตลาด โดยเฉพาะการดึงดูดกลุ่มที่ยังไม่มีแผนเดินทางท่องเที่ยว และอาจเดินทางท่องเที่ยวในไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอาจพิจารณาปรับตัวเพื่อเพิ่มรายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ และระยะถัดไป ดังนี้
โอกาสธุรกิจโรงแรม และรีสอร์ตในปลายทางระยะใกล้ เร่งจัดรายการส่งเสริมการขาย ส่วนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอย่างร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของฝากในพื้นที่ท่องเที่ยว อาจร่วมกับพันธมิตรสร้างการรับรู้ และเพิ่มยอดขาย สถานการณ์ของธุรกิจบริการด้านที่พักในระยะนี้มีการแข่งขันที่เข้มข้น โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวระยะใกล้ที่คนกรุงเทพฯ นิยมเดินทางไปพักผ่อนช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และหยุดยาวในช่วงเทศกาล เช่น พัทยา (ชลบุรี) เขาใหญ่ (นครราชสีมา) หัวหิน (ประจวบคีรีขันธ์) เป็นต้น ดังนั้น ผู้ประกอบการในพื้นที่ที่เป็นปลายทางยอดนิยมของคนกรุงเทพฯ ควรใช้ช่วงจังหวะนี้เร่งทำการตลาด
จัดโปรโมชันเพื่อกระตุ้นตลาดไทยเที่ยวไทย โดยเฉพาะตลาดคนกรุงเทพฯ ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่ใดในช่วงที่เหลือของปีนี้ อย่างผู้ประกอบการในพื้นที่พัทยา ที่บางรายอาจเผชิญต่อภาวะตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติหดตัว อาจจัดรายการส่งเสริมการขายร่วมกับพันธมิตร เช่น นำเสนอโปรโมชันด้านราคา และรับคะแนนสะสม 2 เท่า สำหรับลูกค้าที่ชำระค่าห้องพักด้วยบัตรเครดิตที่เป็นพันธมิตร เป็นต้น
ทั้งนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ที่มีแผนเดินทางท่องเที่ยวได้ใช้จ่ายค่าบริการก่อนการเดินทางไปแล้วไม่ว่าจะเป็นค่าที่พัก ค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน แต่ยังมีการใช้จ่ายอีกส่วนที่เป็นการใช้จ่ายระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสให้ภาคธุรกิจอื่น เช่น การใช้จ่ายสำหรับอาหารท้องถิ่น ค่าใช้จ่ายสำหรับของฝากของที่ระลึก ดังนั้น ผู้ประกอบการควรปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องต่อสถานการณ์ปัจจุบัน และพฤติกรรมกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย อาจจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์และบริการ อย่างร้านอาหารในพื้นที่นำเสนอเมนูพิเศษที่สร้างเอกลักษณ์ให้แก่ร้าน ควบคู่กับการดูแลเรื่องคุณภาพการให้บริการ ธุรกิจจำหน่ายของฝากอาจเตรียมแผนการให้บริการ/เพิ่มพนักงานชั่วคราวเพื่อให้บริการลูกค้าในช่วงเทศกาล และหยุดยาวที่คาดว่าจะมีลูกค้ามาใช้บริการมากกว่าช่วงปกติ
ธุรกิจจับจังหวะนโยบายภาครัฐ...ต่อยอดผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดลูกค้าเป้าหมาย
ภาครัฐให้ความสำคัญการท่องเที่ยว และได้ออกมาตรกระตุ้นการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวเป็นระยะๆ ดังนั้น ภาคธุรกิจควรติดตามแนวทางการส่งเสริมของภาครัฐ และอาจนำไปต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าเป้าหมาย อย่างในปัจจุบันภาครัฐมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยใน “70 เส้นทางตามรอยพระบาท” ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสให้ธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องนำมาใช้เป็นจุดขาย หรือแคมเปญในการทำการตลาดไม่ว่าจะเป็นลูกค้าทั่วไป และลูกค้าองค์กร เช่น ธุรกิจนำเที่ยวพัฒนาแพกเกจศึกษาดูงาน และท่องเที่ยวตามรอยพระบาทในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อนำเสนอแก่ลูกค้าองค์กร (เช่น สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ/เอกชน) ธุรกิจสายการบินนำเสนอโปรโมชันตั๋วโดยสารเครื่องบินในเส้นทางตามรอยพระบาทตลอดเดือนธันวาคมปี 2559 นี้ เป็นต้น
ธุรกิจปรับตัวหันมาทำตลาดผ่านสื่อดิจิทัล....ตอบโจทย์ตลาดคนไทยรุ่นใหม่เที่ยวในประเทศ
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ในยุคดิจิทัลนี้ สื่อออนไลน์มีผลต่อคนไทยรุ่นใหม่ในหลายมิติ ซึ่งรวมถึงกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนแรก คือ การสืบค้นข้อมูลประกอบการตัดสินใจวางแผนเดินทางท่องเที่ยว การสำรองและการชำระเงินสำหรับที่พักและตั๋วโดยสารเครื่องบิน การใช้จ่ายระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว รวมถึงการแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวผ่านสื่อออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความประทับใจในแหล่งท่องเที่ยว หรือการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการให้บริการของที่พัก และร้านอาหารและร้านจำหน่ายของฝาก จากสถานการณ์ข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า นับวันสื่อดิจิทัลจะมีอิทธิพลต่อผู้คนมากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญช่องทางนี้เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะใช้เป็นสื่อกลางทำให้แบรนด์สินค้าและบริการเป็นที่รู้จักในตลาด ควบคู่กับใช้เป็นช่องทางให้การนำเสนอโปรโมชันไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการใช้ช่องทางนี้สื่อสารกับลูกค้าเพื่อนำข้อเสนอแนะต่างๆ ไปปรับปรุง และพัฒนาการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น