บล.เคทีบี (ประเทศไทย) มองหุ้นไทยวันนี้ได้ปัจจัยบวกจากต่างประเทศ จากแนวโน้ม ศก.สหรัฐฯ ที่ดีขึ้น และราคาน้ำมัน แนะลงทุนกลุ่มเด่นที่โตตาม ศก. หุ้นแนะนำ ROBINS, MC, KAMART, BANPU, LANNA, PAP, COM7, UV
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (23 พ.ย.) การที่ดัชนี Dow Jones ขึ้นมายืนเหนือ 19,000 จุด หรือทำ new high อย่างต่อเนื่องได้ เราถือว่าไม่ธรรมดา มุมมองของนักลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นบวก แน่นอนว่าน่าจะมาจากนโยบายด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีคนใหม่ ที่จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว การปรับขึ้นดอกเบี้ยน่าจะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า
โดยเฉพาะภาคการเงินที่จะเป็นบวกจากส่วนต่างของดอกเบี้ยที่สูงขึ้น การที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ดี จึงเท่ากับดีต่อประเทศอื่นๆ ด้วย ซึ่งโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในเดือน ธ.ค. (13-14) ยังคงเป็น 100% ตลาดน่าจะรับรู้กันไประดับหนึ่งแล้ว อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 30 ปี ยังทรงตัวระหว่าง 2.9-3.0% เป็นสัญญาณว่า นักลงทุนเริ่มลดความกังวลลง แต่ถึงกระนั้น นักลงทุนในตลาดพันธบัตรน่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ย แต่นักลงทุนในตลาดหุ้นอาจมีบางส่วนที่พอร์ตลงทุน หรือการจัดพอร์ตนั้น ไปอิงกับดอกเบี้ย ซึ่งผลกระทบจะไม่แรงเหมือนตลาดพันธบัตร แรงขายหุ้นในตลาดหุ้นเอเซียเริ่มลดระดับลงแล้วด้วย
การเดินหน้าตามนโยบายหาเสียงของนายทรัมป์ คืนที่ผ่านมา พูดถึงเรื่องการปรับเพิ่มตำแหน่งกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และนโยบายด้านพลังงานทดแทน (ถ่านหิน) เราน่าจะเห็นการแสดงความเห็นต่อนโยบายเหล่านี้ในวันนี้ด้วย
ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมัน การประชุมคณะทำงานของ OPEC มีการประชุม Technical Meeting ไปเมื่อคืนที่ผ่านมา (22 พ.ย.) แต่ไม่เปิดผลการประชุม โดยชี้แจงเพียงผลการประชุมออกมาในทางบวก แต่เชื่อว่าตลาดยังมีความกังขาต่อท่าทีของอิหร่าน และอิรัก ราคาน้ำมันจึงปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก ด้านราคาสินค้าโภคภัฑณ์ในกลุ่มโลหะ ยังเดินหน้าต่อจากคาดการณ์ความต้องการใช้ที่จะสูงขึ้นในอนาคตตามภาวะเศรษฐกิจ (สหรัฐฯ)
ส่วนปัจจัยภายในประเทศยังดีอยู่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรายสัปดาห์ยังออกมาไม่หยุด ซึ่งจะเพิ่มความมั่นใจให้นักลงทุนว่า เศรษฐกิจ Q4 หรือต่อจากนี้ไปจะไม่ชะลอตัวลง เพราะได้แรงหนุนจากภาครัฐ ดังนั้น ทิศทางตลาดหุ้นไทย คาดจะเหมือนกับวันก่อน คือ “เป็นบวก” จากปัจจัยบวกจากต่างประเทศ คือ เศรษฐกิจสหรัฐฯ และราคาน้ำมัน และปัจจัยภายใน คือ ทิศทางเศรษฐกิจที่โตต่อเนื่อง แต่การบวกจะไม่รุนแรง เนื่องจากนโยบายของนายทรัมป์ ที่ยังไม่เคลียร์นัก จะทำให้นักลงทุนบางส่วนยังไม่กล้าเข้ามาลุยซื้อหุ้น
“กลยุทธ์การลงทุน แม้ตลาดยังมีแนวโน้มเดินหน้าต่อ แต่ยังแนะนำเพียงเก็งกำไรช่วงสั้นๆ หุ้นกลุ่มเด่นๆ จะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มส่งออกบางตัว หุ้นแนะนำ ROBINS, MC, KAMART, BANPU, LANNA, PAP, COM7, UV มองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,480-1,492 จุด”