KTBST มองหุ้นไทยวันนี้ยังขาดแรงส่งหนักๆ ในทางบวกที่มีผลต่อตลาด ขณะที่แรงขายทำกำไร และลดความเสี่ยงของนักลงทุนจะยังมีอยู่ แต่ด้วยแรงผลักดันของภาครัฐ การประชุม ครม.วานนี้ ทั้งโครงการรถไฟฟ้าสีทอง และโครงการด้าน ICT ถือเป็นสัญญาณว่า ศก.ไทยในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะยังดีอยู่ พร้อมให้กรอบ 1,480-1,510 จุด
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (7 ก.ย.) จะแกว่งในกรอบแคบ ตามตลาดต่างประเทศ เนื่องจากยังขาดแรงส่งหนักๆ ในทางบวกที่มีผลต่อตลาด ขณะที่แรงขายทำกำไร และลดความเสี่ยงของนักลงทุนจะยังมีอยู่ จากการที่นักลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังติดตามทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ว่าจะคาดการณ์กันอย่างไร บรรยากาศการลงทุนจึงไม่คึกคักมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การรายงานตัวเลข ISM ภาคบริการของสหรัฐฯ ที่ออกมาอยู่ที่ 51.4 ในเดือน ส.ค. ลดลงจากเดือนก่อนที่ 55.0 และต่ำกว่าที่คาดการณ์ที่ 55.0 เช่นกัน แม้จะทำให้โอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.ของสหรัฐฯ ลดลงจาก 32% เป็น 24% แต่ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจเข้ามาแทนที่ ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย รวมถึงค่าดอลลาร์สหรัฐที่ปรับตัวลงด้วยเช่นกัน
ด้านราคาน้ำมันดิบ กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันหารือในเบื้องต้นที่น่าจะออกมาในทางที่เป็นบวกต่อราคาน้ำมัน แต่เป็นข่าวที่ตลาดรับรู้กันมาระยะหนึ่งแล้ว
ปัจจัยต่างประเทศวันนี้ จึงมองว่าทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ยังเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาด ส่งผลต่อแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ มีแนวโน้มที่จะชะลอลงในช่วงนี้ อีกทั้งวันพรุ่งนี้ (8 ก.ย.) จะมีทั้งการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และรายการตัวเลขส่งออกของจีน รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 2 ของญี่ปุ่น
สำหรับปัจจัยในประเทศนักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาซื้อหุ้นหลังขายไปอย่างหนักเมื่อวันก่อน แต่นักลงทุนต่างประเทศที่พลิกมาขายหุ้นไทย 821 ล้านบาท รวมถึงขายในตลาดพันธบัตรด้วย อาจเป็นปัจจัยถ่วงตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยแรงผลักดันของภาครัฐ การประชุม ครม.วานนี้ (6 ก.ย.) มีทั้งโครงการรถไฟฟ้า (สีทอง) และโครงการด้าน ICT ถือเป็นสัญญาณว่า เศรษฐกิจของไทยในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะยังดีอยู่
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนจากทิศทางตลาดหุ้นไทยที่มีความไม่แน่นอนว่าจะไปในทางใด เพราะขาดแรงกระตุ้นใหม่ๆ จึงยังแนะนำให้ลดพอร์ตในหุ้นขนาดใหญ่ที่ขาดปัจจัยบวกสนับสนุน และกรอบเวลาการลงทุนยังควรเป็นเน้นเล่นสั้นไปก่อน หุ้นที่ยังแนะนำ ได้แก่ BANPU, DIF, PLAT, HMPRO มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,480-1,510 จุด