KTBST คาด Fund Flow ดันดัชนีหุ้นไทยไปต่อ แต่ไม่รู้ว่าจะนานอีกแค่ไหน เพราะมีทั้งมาตรงจากนอก และโยกจากตลาดพันธบัตรที่เข้ามาก่อนหน้านี้ โดยให้กรอบไว้ที่ 1,517-1,530 จุด พร้อมเตือนไม่ประมาท และเตรียมความพร้อมรับมือตลาดเปลี่ยนทิศ ซึ่งต่างชาติอาจเลือกที่จะถือหุ้นแล้วไปรอขายเมื่อตลาดจบ หรือทยอยขายไปเรื่อยๆ ในหุ้นที่ราคาขึ้นมามาก พร้อมกับเข้าซื้อหุ้นที่ราคาต่ำเพื่อฟันส่วนต่างตอนราคาวิ่งขึ้น
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) กล่าวว่า มองกรอบดัชนีวันนี้ (29 ก.ค.) ที่ 1,517-1,530 จุด เงินทุนไหลเข้าของนักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาในตลาดหุ้นไทย เป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อตลาดหุ้นไทยมากกว่าปัจจัยอื่นๆ และคาดการณ์ไม่ได้ว่าจะเป็นแบบนี้อีกนานขนาดไหน ทั้งนี้ เงินที่เข้ามาในตลาดหุ้นจะมาทั้งมาจากต่างประเทศโดยตรง และอาจย้ายมาจากตลาดพันธบัตรที่เข้ามาถือก่อนหน้านี้
ดังนั้น วันนี้จึงประเมินว่า นักลงทุนกลุ่มนี้จะยังมีสถานะเป็นซื้อ (net buy) ในเรื่องของโครงการรถไฟไทย-จีน มูลค่าโครงการ 1.79 แสนล้านบาท ที่ถูกกลับมาพูดถึง น่าจะสร้างกระแสในทางบวกต่อเศรษฐกิจไทยเอง และหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่จะมีผลต่อตลาดหุ้นในระหว่างวัน จะเป็นการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ไม่แน่นอนว่า BOJ จะปรับลดดอกเบี้ย หรือ QE หรือไม่ ผลการประชุมที่ออกมาประมาณเที่ยงของวันนี้ จึงมีผลต่อตลาดมากพอควร
ขณะที่ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลดลงในคืนที่ผ่านมา จากปัจจัยเฉพาะตัว โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง เพราะหุ้นกลุ่มสายการบิน ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง เพราะรอดูผล stress test กลุ่มธนาคารวันนี้ ขณะที่การร่วงลงของราคาน้ำมันที่ส่งผลลบต่อตลาดมาหลายวันติดต่อกันแล้ว และมีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันดิบจะไหลลงสู่ระดับ 40 เหรียญสหรัฐ จาก 41 เหรียญสหรัฐ ในปัจจุบัน
ล่าสุด ตัวเลขส่งออกน้ำมันดิบเดือน ส.ค.ของกลุ่ม OPEC คาดจะเพิ่ม 90 kbd เป็นสัญญาณของภาวะ oversupply ที่จะกลับมาให้นักลงทุนกังวลกันอีกครั้ง รวมไปถึงหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่กำลังปรับตัวลงตามราคาน้ำมัน (Bloomberg Commodity Index ลดลง 1.4% จากปลายสัปดาห์ก่อน) ยกเว้นราคาเหล็กในตลาดโลกที่สวนกระแสขึ้นมาได้ต่างจากตัวอื่นๆ ขณะที่การแข็งค่าของเงินเยน และราคาพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้น ยังเป็นลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ส่งผลให้วันนี้ปัจจัยต่างประเทศ บล.KTBST มองเป็นลบ แต่เงินทุนไหลเข้าของนักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาในตลาดหุ้นไทย เป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อตลาดหุ้นไทยมากกว่าปัจจัยอื่นๆ ทังหมด
ด้านกลยุทธ์การลงทุน แรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศที่มีอย่างต่อเนื่อง จนจับทางไม่ได้ว่าจะจบลงเมื่อใด นักลงทุนอาจเลือกที่จะถือหุ้นแล้วไปรอขายเมื่อตลาดจบ หรือทยอยขายไปเรื่อยๆ ในหุ้นที่ราคาขึ้นมามาก แต่อย่างไรก็ตาม ควรพร้อมที่จะขายหุ้นเมื่อตลาดเกิดเปลี่ยนทิศ
สำหรับการเข้าเก็งกำไรช่วงสั้นๆ ในวันนี้ กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์, อิเล็กทรอนิกส์ และหุ้นที่เป็น Domestic play รวมถึงหุ้นกลุ่มเหล็กบางตัวจากราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจ โดยหุ้นที่แนะนำ ได้แก่ SAT, KCE, SVI, CPALL, COM7, UAC และ TMT