โรงพิมพ์ตะวันออก เผยโซลาร์ฟาร์มแดนปลาดิบ โครงการ Kyoto กำลังการผลิต 12 MW จ่ายไฟเข้าระบบแล้ว บุ๊กรายได้เข้ากระเป๋าทันที หนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง บิ๊กบอส “ยุทธ ชินสุภัคกุล” เผยพร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งใน-ต่างประเทศตามแผน ก่อนดัน EP เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปี 60
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทฯ ได้ลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น ผ่านบริษัทย่อยนั้น ล่าสุด โครงการ Kyoto กำลังการผลิตติดตั้ง 11.99 เมกะวัตต์ ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Commercial Operating Date : COD) แล้ว เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2559 เวลา 08.00 น.(ตามเวลาในประเทศไทย) และเริ่มรับรู้รายได้ของโครงการดังกล่าวตั้งแต่วันที่เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เป็นต้นไป
“เรายังคงเดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งใน และต่างประเทศ ผ่านบริษัท อีสเทิร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (EP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ก่อนที่จะผลักดัน EP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามแผน และวางเป้าภายในปี 2561 ขนาดกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าในมือจะเพิ่มขึ้นเป็น 600 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้ และกำไรของบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในฐานะที่ EPCO เป็นบริษัทแม่” นายยุทธ กล่าว
ปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เดินเครื่อง และจ่ายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์แล้ว จำนวนรวม 11 โครงการ โดยประกอบด้วย โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์บ่อพลอย กำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ลพบุรี กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ และโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Roof) จำนวน 8 โครงการ กำลังการผลิตรวม 1.5 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิตในประเทศ จำนวน 16.5เมกะวัตต์ และกำลังก่อสร้างที่ปราจีนบุรี อีก 5 เมกะวัตต์ ส่วนที่ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์ ที่เกียวโต และจะเริ่มก่อสร้างที่คูริฮาร่า อีก 2 โครงการ รวม 26.5 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ EP ยังได้เข้าลงทุนใน 2 โรงไฟฟ้าแก๊สธรรมชาติ กำลังการผลิต 360 เมกะวัตต์ มูลค่า 2.6 พันล้านบาท ซึ่ง COD แล้ว 120 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะ COD อีก 240 เมกะวัตต์ภายใน ธ.ค.นี้ และจะรับรู้รายได้ทันทีในปีนี้เช่นเดียวกันส่วนผลการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อยในงวด 9 เดือนแรกของปี 2559 มีผลกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 188.63 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2558 ซึ่งมีผลกำไร 188.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.45 ล้านบาท คิดเป็น 0.24%