GUNKUL โชว์ผลงานสุดล้ำ ไตรมาส 3/2558 มีกำไรสุทธิ 331.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 114.20 เมื่อเที่ยบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 154.62 ล้านบาท เผยรายได้รวมโตไม่หยุด เพราะที่ผ่านมา รุกหนักลุยขยายฐานด้านพลังงานทดแทนทั้งใน และต่างประเทศ เชื่อมั่นว่าธุรกิจพลังงานทดแทนหนุนเต็มที่ คาดสิ้นปีนี้รายได้เติบโตกว่าปีก่อนไม่น้อยกว่า 50%
ดร.สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2558 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 ของบริษัท และบริษัทย่อย พบว่า มีผลกำไรสุทธิ จำนวน 331.19 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันกับปีก่อนที่มีผลกำไรสุทธิ จำนวน 154.62 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 176.58 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 114.20 ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 544.05 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 463.05 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 81 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.49 เนื่องจากยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นจากการที่บริษัทสามารถจัดจำหน่ายอุปกรณ์ต่างๆ ให้แก่กลุ่มลูกค้าโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ค้างท่อที่ทยอยรับแจก PPA ตั้งแต่ไตรมาสสองที่ผ่านมา โดยมีกำหนดต้อง SCOD ให้ทันสิ้นปีนี้
สำหรับผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าว เนื่องจากกลุ่มบริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 3,711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 1,371 ล้านบาท หรือร้อยละ 58.59 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันกับปีก่อนเท่ากับ 2,340 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง 375 ล้านบาท และรายได้จากการขาย จำนวน3,274 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นจากการจำหน่ายอุปกรณ์ให้กลุ่มลูกค้าในโครงการโซลาร์ฟาร์มค้างท่อ และผู้รับเหมาในระบบสายส่งให้แก่การไฟฟ้าฯ และมีรายได้จากการให้บริการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าฯ จำนวน 51 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทที่ควบคุมร่วมกัน จำนวน 206 ล้านบาท
กรรมการผู้จัดการ ยังได้เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะมีกำหนดลงนามสัญญาเงินกู้โครงการ จำนวน 4,080 ล้านบาท กับธนาคารผู้สนับสนุนภายในเดือนนี้ สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 87 เมกะวัตต์ ในนามบริษัท รางเงิน โซลูชั่น จำกัด โดยบริษัทมีสัดส่วนการถือครองหุ้นร้อยละ 67 และประกอบด้วยโรงไฟฟ้าฯ ทั้งสิ้น 11 โรง ซึ่งจะดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ และบริษัทยังประสบความสำเร็จจากการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมแบบ RO (Right Offering) รวมกว่า 4,000 ล้านบาท ทำให้สินทรัพย์รวมของบริษัท ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 เพิ่มขึ้นเป็น 19,755 ล้านบาท โดยมีส่วนของผู้ถือหุ้นแสดง จำนวน 8,178 ล้านบาท และมีอัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในอัตรา 1.40 เท่า ยังผลให้บริษัทมีความสามารถในการก่อหนี้และจัดหาเงินทุนเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการที่ได้รับ PPA เรียบร้อยแล้วให้สำเร็จได้ครบทุกโครงการตามเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน
“ทั้งนี้ ทิศทางของผลประกอบการไตรมาส 4/2558 ของบริษัท และบริษัทย่อยคาดว่า มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2558 โดยจะทยอยรับรู้รายได้จากงานที่มีอยู่ในมือ(Backlog) อีกทั้งบริษัทยังมีแผนเข้าประมูลงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยการเติบโตขึ้นของรายได้ทำให้บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปี 2558 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ไม่ต่ำกว่า 50% รวมถึงบริษัทยังได้เข้าร่วมยื่นเป็นผู้สนับสนุนในโครงการโซลาร์ฟาร์มสำหรับสหกรณ์การเกษตร และส่วนราชการ ที่เพิ่งปิดรับสมัครไป โดยบริษัทได้ยื่นประมูลไป 30 กว่าโครงการ และคาดหวังว่าจะได้รับส่วนแบ่งประมาณร้อยละ 10 จากทั้งหมด 600 เมกะวัตต์ ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้ และกำไรของ GUNKUL ให้เติบโต และมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น” ดร.สมบูรณ์ กล่าวในที่สุด
ดร.สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2558 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 ของบริษัท และบริษัทย่อย พบว่า มีผลกำไรสุทธิ จำนวน 331.19 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันกับปีก่อนที่มีผลกำไรสุทธิ จำนวน 154.62 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 176.58 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 114.20 ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 544.05 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 463.05 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 81 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.49 เนื่องจากยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นจากการที่บริษัทสามารถจัดจำหน่ายอุปกรณ์ต่างๆ ให้แก่กลุ่มลูกค้าโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ค้างท่อที่ทยอยรับแจก PPA ตั้งแต่ไตรมาสสองที่ผ่านมา โดยมีกำหนดต้อง SCOD ให้ทันสิ้นปีนี้
สำหรับผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าว เนื่องจากกลุ่มบริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 3,711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 1,371 ล้านบาท หรือร้อยละ 58.59 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันกับปีก่อนเท่ากับ 2,340 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง 375 ล้านบาท และรายได้จากการขาย จำนวน3,274 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นจากการจำหน่ายอุปกรณ์ให้กลุ่มลูกค้าในโครงการโซลาร์ฟาร์มค้างท่อ และผู้รับเหมาในระบบสายส่งให้แก่การไฟฟ้าฯ และมีรายได้จากการให้บริการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าฯ จำนวน 51 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทที่ควบคุมร่วมกัน จำนวน 206 ล้านบาท
กรรมการผู้จัดการ ยังได้เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะมีกำหนดลงนามสัญญาเงินกู้โครงการ จำนวน 4,080 ล้านบาท กับธนาคารผู้สนับสนุนภายในเดือนนี้ สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 87 เมกะวัตต์ ในนามบริษัท รางเงิน โซลูชั่น จำกัด โดยบริษัทมีสัดส่วนการถือครองหุ้นร้อยละ 67 และประกอบด้วยโรงไฟฟ้าฯ ทั้งสิ้น 11 โรง ซึ่งจะดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ และบริษัทยังประสบความสำเร็จจากการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมแบบ RO (Right Offering) รวมกว่า 4,000 ล้านบาท ทำให้สินทรัพย์รวมของบริษัท ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 เพิ่มขึ้นเป็น 19,755 ล้านบาท โดยมีส่วนของผู้ถือหุ้นแสดง จำนวน 8,178 ล้านบาท และมีอัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในอัตรา 1.40 เท่า ยังผลให้บริษัทมีความสามารถในการก่อหนี้และจัดหาเงินทุนเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการที่ได้รับ PPA เรียบร้อยแล้วให้สำเร็จได้ครบทุกโครงการตามเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน
“ทั้งนี้ ทิศทางของผลประกอบการไตรมาส 4/2558 ของบริษัท และบริษัทย่อยคาดว่า มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2558 โดยจะทยอยรับรู้รายได้จากงานที่มีอยู่ในมือ(Backlog) อีกทั้งบริษัทยังมีแผนเข้าประมูลงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยการเติบโตขึ้นของรายได้ทำให้บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปี 2558 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ไม่ต่ำกว่า 50% รวมถึงบริษัทยังได้เข้าร่วมยื่นเป็นผู้สนับสนุนในโครงการโซลาร์ฟาร์มสำหรับสหกรณ์การเกษตร และส่วนราชการ ที่เพิ่งปิดรับสมัครไป โดยบริษัทได้ยื่นประมูลไป 30 กว่าโครงการ และคาดหวังว่าจะได้รับส่วนแบ่งประมาณร้อยละ 10 จากทั้งหมด 600 เมกะวัตต์ ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้ และกำไรของ GUNKUL ให้เติบโต และมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น” ดร.สมบูรณ์ กล่าวในที่สุด
